posttoday

“วิชัย ทองแตง” ทนายคนดังสู่เศรษฐีไทย เดิมพันลงทุนพลิกฟื้นทีวี ไดเร็ค

10 พฤศจิกายน 2565

วิชัย ทองแตง จากทนายมือทองสู่ ‘เจ้าพ่อตลาดหุ้น’ จนติดทำเนียบเศรษฐีไทยหลังขายหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล ผ่านเส้นทางคว้าความสำเร็จและล้มเหลวมาอย่างโชกโชน แต่วันนี้เขากลับมาสู้อีกครั้งกับการวางเดิมพันพลิกฟื้น บมจ.ทีวี ไดเร็คให้เป็นมากกว่า โฮม ช้อปปิ้ง

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก คนรวยระดับประเทศอย่าง “วิชัย ทองแตง” ทนายมือทอง ที่ผันตัวมาเป็น “เจ้าพ่อตลาดหุ้น” กับการลงทุนในธุรกิจที่เน้นการคืนทุนรวดเร็ว สไตล์หวือหวา และกล้าเสี่ยง ทำให้ชื่อของเขาอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ เกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมองตลาด SET จากการจัดอันดับของ Forbes รายงานว่า วิชัย มีทรัพย์สินสุทธิที่ 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 6 เดือนกรกฎาคม 2565

 

กลุ่มอุตสาหกรรมไหนที่ วิชัย เข้าไปลงทุน หรือนั่งเป็นคณะกรรมการ ล้วนมีอิทธิพลต่อตลาดและน่าจับตามองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ และ บมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย))  กลุ่มโรงพยาบาล (บมจ.เฮลท์ เน็ตเวิร์ค เครือข่ายรพ.พญาไทและเปาโล ) กลุ่มไอซีที (บมจ.ทีดับบลิวแซด บมจ.บลิส อินเทลลิเจนซ์ บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น และกลุ่มสื่อเคเบิลทีวี (บมจ.เคเบิลไทยโฮลดิ้ง ) กลุ่มพลังงาน (บมจ.วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง)  

 

หรือแม้แต่วงการสตาร์ทอัพกับการเข้าร่วมลงทุนสร้าง บริษัท บิทคับ เวิลด์เทค จำกัด กับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เพื่อให้ความรู้เรื่องบลอกเชนเจาะภาคการศึกษา และล่าสุดกับการลงทุนครั้งใหม่ใน บมจ.ทีวี ไดเร็ค ที่เขามองว่ามีศักยภาพมากกว่าผลประกอบการขาดทุนที่เห็น

 

ทิศทางความมั่งคั่งของ วิชัย ทองแตง

“วิชัย ทองแตง” ทนายคนดังสู่เศรษฐีไทย เดิมพันลงทุนพลิกฟื้นทีวี ไดเร็ค

 

 


วิชัยเริ่มเล่นหุ้นตั้งแต่ปี 2521 ด้วยความชำนาญจากการว่าความให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัททั้งในฐานะตัวแทนผู้ฟ้องและผู้ถูกฟ้อง ทำให้เขาได้ศึกษาข้อมูลและรับรู้ข้อมูลเชิงลึก จากจุดนี้เองทำให้ทนายมือทองเริ่มอยากลงสนามนี้บ้าง 

 

เขาเริ่มลงทุนด้วยเงินแค่หลักหมื่นบาท จนกลายเป็นเจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล เมื่อปี 2546 กระทั่งปี 2554 เขาขายหุ้นดังกล่าวให้กับบมจ.กรุงเทพดุสิต เวชการ เบ็ดเสร็จแล้วทำให้อดีตทนายผู้นี้กวาดเม็ดเงินเข้ากระเป๋าเป็นหมื่นล้าน และก้าวขึ้นสู่อันดับเศรษฐีเมืองไทยจากดีลดังกล่าว

 

โดยปัจจุบันเขาและลูก ๆ ก็ยังถือหุ้นส่วนน้อยและนั่งตำแหน่งประธานบริหารในกลุ่มโรงพยาบาลพญาไทและเปาโล ซึ่งนอกจากตัวเขาเป็นผู้ถือหุ้นเองในหลายบริษัทแล้วเขายังให้ลูก ๆ ทั้ง 4 คนถือหุ้นด้วย

 

ปัจจุบันวิชัย อายุ 75 ปี มีลูก 4 คนได้แก่ วิอร อัฐ อิทธิ และอติคุณ วิชัยนั่งเป็นประธานกรรมการทั้งของ บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ และ บมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย)

 

เช่นเดียวกับเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน บมจ.อี ฟอร์ แอล เอม ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ 15.93% จำนวน 636 ล้านหุ้น และยังคงมีหุ้นผ่านลูก ๆ 4 คน ในบมจ.เอสจีเอฟ แคปปิตอล บริการสินเชื่อ คนละ 2.82% รวมถึงหุ้นที่กำลังเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนที่ให้ลูกทั้ง 4 คนถือไว้รวมกันอยู่ที่ 52.4% ในบมจ.บลิส อินเทลลิเจนซ์ อีกด้วย

 

“วิชัย ทองแตง” ทนายคนดังสู่เศรษฐีไทย เดิมพันลงทุนพลิกฟื้นทีวี ไดเร็ค


 

 

วิชัย ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้เขาจะปลีกตัวจากแวดวงธุรกิจไปใช้ชีวิตแบบคนเกษียณอยู่พักหนึ่ง ก่อนหวนกลับมาลงทุนครั้งใหม่กับ บมจ.ทีวี ไดเร็ค ซึ่งการเข้ามาถือหุ้นครั้งนี้แม้จะครองสัดส่วนเพียง 9% หรือจำนวน 155 ล้านหุ้น แต่ก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และสร้างกระแสเป็นที่น่าจับตามองในวงกว้าง 

 

เพราะการกลับมาครั้งนี้ของ วิชัย มีการวิเคราะห์จากกลุ่มนักลงทุนด้วยกันว่าอาจจะไม่หวือหวาเหมือนที่ผ่านมาและเป็นการลงทุนแก้เหงา หรืออาจต้องการนำสินทรัพย์หรือบริการที่มีอยู่ในบริษัทต่าง ๆ เช่น สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ  สินเชื่อ บลอกเชน คริปโต ที่เขาถือหุ้นอยู่เข้ามาสร้างสินค้าและบริการใหม่ให้กับบมจ.ทีวี ไดเร็ค 

 

ขณะที่บมจ.ทีวี ไดเร็คก็จะเป็นช่องทางขายและช่องทางขนส่งให้กับผลิตภัณฑ์ของเขาเพิ่มขึ้น ซึ่งเขาเองมีแผนในการเปิดบริการใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ

 

เพราะหากพูดถึงสุขภาพการเงินของทีวี ไดเร็ค พบว่ามีปัญหาขาดทุน จากการถูกดิสทรัปด้วยเทคโนโลยีใหม่ ในยุคที่การขายสินค้าผ่านรายการโทรทัศน์ไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป รวมถึงทรัพย์สินของบริษัทเป็นสินค้าที่ประเมินยาก ทำให้ตัวเลขทรัพย์สินปี 2564 อยู่ที่ 1.971 พันล้านบาท เท่านั้น 

 

จึงน่าจะเป็นเหตุผลของการเข้ามาถือหุ้นที่ต้องค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สมดุลกับสินทรัพย์ที่มี ขณะที่รายได้ของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2563 ที่มี 3.736 พันล้านบาท เหลือ 2.756 พันล้านบาท ในปี 2564 และขาดทุนเกือบ 300 ล้านบาทในปี 2564

 

แต่วิชัยมองว่านี่คือโอกาสและเป็นสิ่งที่เขาถนัด และคิดว่าบริษัทมีศักยภาพ สิ่งที่บมจ.ทีวี ไดเร็คมี ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายผ่านทีวี คอลเซ็นเตอร์ และการขายผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซ รวมถึงระบบลอจิสติกที่แข็งแกร่ง นั้นเขาสามารถนำสินค้าและบริการที่ วิชัย มีอยู่ในบริษัทต่าง ๆ ที่เขาเข้าไปลงทุนมาทำการตลาดกับกลุ่ม B2B ได้ 

 

จนนำไปสู่การพลิกฟื้นธุรกิจทีวี ไดเร็ค ที่ขาดทุนอยู่สามารถมีกำไรได้ สอดรับกับการจัดทัพใหม่ของบริษัทที่ต้องการเป็นซุปเปอร์โฮลดิ้ง คอมพานีในอนาคต และต้องการสร้างให้ธุรกิจมีความหลากหลายมากกว่า โฮม ช้อปปิ้ง  หรือ อี-คอมเมิร์ซ

 

และนี่เองคือแผนเข้าร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำในหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสุขภาพ กลุ่มการศึกษา ร้านอาหาร สตาร์ทอัพ จนล่าสุด บมจ.ทีวี ไดเร็ค ได้ประกาศเข้าลงทุนในธุรกิจเหมืองบิดคอยน์และลงทุนในคริปโตเหรียญคับ อีกด้วย

 

เหล่านี้ล้วนเป็นธุรกิจที่อยู่ในมือ "วิชัย ทองแตง"