‘ไทยเบฟฯ’ควบอาชาเต็มฝีเท้า
โพสต์ทูเดย์
— ไทยเบฟฯ ลั่นขอขึ้นผู้นำตลาดเบียร์ในปี 2556 หลังส่วนแบ่งรวมทั้งบริษัททะลุ 40% ในปีนี้ ทุ่มงบ 8090 ล้าน ปั้นอาชานายชาลี จิตจรุงพร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง ผู้ดำเนินธุรกิจเบียร์ยี่ห้อช้าง อาชา และเฟเดอร์บรอย เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดเบียร์ในปี 2556 โดยคาดว่าในปี 2554 จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็นไม่น้อยกว่า 40% จากในปีก่อนหน้าที่ทำได้ 38% หรือเติบโตขึ้น 23%
การเติบโตในปีที่ผ่านมา ถือว่าทำได้ดีกว่าการเติบโตของตลาดรวมจากปี 2552 โดยตลาดรวมในเชิงมูลค่าลดลงประมาณ 1% และในเชิงปริมาณลดลงราว 6% แต่ถือว่าเริ่มฟื้นตัวจากการหดตัวมากกว่า 10% ในปีก่อนหน้า ซึ่งตลาดเบียร์ยังได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทำให้ตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านลิตร หรือ 1.04 แสนล้านบาทเท่านั้น (ตัวเลขเดือน พ.ย. 2553)
“
การขึ้นราคาภาษีสรรพสามิตทำให้ราคามีการปรับสูงขึ้น ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศน้อยลง เพราะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่นิ่ง ทำให้ภาพรวมตลาดขยายตัวได้น้อยลง ส่งผลกระทบต่อตลาดรวมของเบียร์อย่างมาก” นายชาลี กล่าวสำหรับภาพรวมการทำตลาดของบริษัทนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะกับเบียร์อาชา ที่เป็นยี่ห้อเดียวที่สามารถเติบโตกว่า 1314% ในปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปรับภาพลักษณ์และสร้างการรับรู้แบรนด์ รวมทั้งการทำกิจกรรมกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เบียร์อาชามีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ในตลาดเบียร์ราคาประหยัด (อีโคโนมี) ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. 2553 หลังเข้ามาทำตลาดได้ประมาณ 5 ปี โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 89% รองจากผู้นำอย่างเบียร์ลีโอและช้างซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดประมาณยี่ห้อละ 30%
แผนงานในปี 2554 จะเดินหน้าทำตลาดเบียร์อาชาด้วยการทุ่มงบประมาณ 8090 ล้านบาท จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งเป้าผลักดันยอดขายให้เติบโตกว่า 20% ในปีนี้ โดยจะเน้นการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าอายุ 2025 ปี ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็นมากกว่า 10%
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวขนาดบรรจุใหม่แบบกระป๋อง 500 มิลลิลิตร เมื่อเดือน ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา ด้วยราคาจำหน่ายกระป๋องละ 3334 บาท เสริมไลน์ผลิตภัณฑ์เดิมที่มีขนาดขวด 640 มิลลิลิตร ราคา 3536 บาท และขนาดกระป๋อง 330 มิลลิลิตร ราคา 2122 บาท โดยเบียร์อาชามีระดับราคาถูกกว่าเบียร์ช้างประมาณ 510%
“
จากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอกำลังซื้อ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เบียร์อาชามียอดขายเติบโตที่ดีสวนกระแสภาพรวมตลาดเบียร์ เนื่องจากมีราคาขายที่ต่ำกว่าแบรนด์คู่แข่งในท้องตลาด” นายชาลี กล่าวภาพ รวมตลาดเบียร์ในปี 2554 คาดว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากการที่ผู้ประกอบการต้องการกระตุ้นให้สินค้าของตัวเองมียอดขายเติบโต ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี เพราะจะทำให้ภาพรวมตลาดเบียร์น่าจะมีอัตราการเติบโตเป็นบวกได้ แต่ยังไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจน เนื่องจากต้องดูภาพรวมการแข่งขันและสิ่งแวดล้อมภายนอกประกอบอย่างใกล้ชิด


