posttoday

ค่ายฤทธาแตกไลน์ลุยตลาดอสังหาฯ

06 มกราคม 2554

รับเหมาก่อสร้าง แตกไลน์ตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เหตุกำไรได้ดีกว่าเท่าตัว  ล่าสุดค่ายฤทธา  เปิดตัวไซมิส แอสแสท ลุยทั้งโครงการแนวสูง-แนวราบ ตั้งเป้า 10 ปี  ยอดขายแตะหมื่นล้าน

รับเหมาก่อสร้าง แตกไลน์ตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เหตุกำไรได้ดีกว่าเท่าตัว  ล่าสุดค่ายฤทธา  เปิดตัวไซมิส แอสแสท ลุยทั้งโครงการแนวสูง-แนวราบ ตั้งเป้า 10 ปี  ยอดขายแตะหมื่นล้าน

นายขจร แซ่เอ็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท  ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันกับ บริษัท ฤทธา ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง  เปิดเผยว่าได้จดทะเบียนตั้งบริษัทฯ เมื่อเดือนมี.ค. 53 เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  เนื่องจากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯนั้นทำกำไรได้มากกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถึงเท่าตัว ซึ่งบริษัทฯ วางแผนจะพัฒนาทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ โดยตั้งเป้าว่า 10 ปีจะมียอดขายรวม 1 หมื่นล้านบาท

“ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมานาน 20 ปี เติบโตปีละ 20% มียอดขายไม่ต่ำกว่า ปีละ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2553 มียอดขาย  9,000  ล้านบาท ลดลง10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศ ขณะที่กำไรของการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้นจะอยู่ที่ 5-10%  แต่หากมาเป็นผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอง จะสามารถทำกำไรได้สูงถึง 20-30%”  นายขจร กล่าว

อย่างไรก็ตามในปีแรกเตรียมจะเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไซมิส จอยญ่า  ซ.สุขุมวิท 31 พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์  สูง 7 ชั้น สไตล์โมเดิร์น คอนเท็มโพรารี  จำนวน 168 ยูนิต   มีราคาขาย 8 หมื่น-9 หมื่นบาท ต่อตร.ม. มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท  จับกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ   โดยมีราคาต่ำกว่าโครงการอื่นๆระดับเดียวกัน ประมาณ 20-30%  ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาขาย 1.5 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไป  ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 70% มียูนิตเหลือขาย 50 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท

นอกจากนี้ยัง เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดฯและสำนักงานให้เช่า บริเวณปากซอยราชครู พหลโยธิน ขณะนี้เตรียมซื้อที่ดินจำนวน 1 ไร่เศษมูลค่า 280 ล้านบาท ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ค้างมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 40  เนื่องจากประกอบการเดิมไม่สามารถพัฒนาโครงการต่อได้ โดยจะพัฒนาเป็นอาคารสูง 2 อาคารประกอบด้วย  27 ชั้น เป็น คอนโดฯ  กับ 15 ชั้น จะพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ มูลค่าโครงการประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท

“โครงการที่ปากซ.ราชครูนั้น  ใบอนุญาตก่อสร้างเดิมนั้นหมดอายุไปแล้ว แต่รัฐบาลได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงทำให้สามารถพัฒนาโครงการต่อได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตเรื่องสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอใหม่ คาดว่าอีก 2-3 เดือน จะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้” นายขจร กล่าว

สำหรับบริษัท ฤทธา  นั้นจะกระจายรับงานก่อสร้างหลายรูปแบบ  โดยแบ่งเป็นงานก่อสร้างไฮเปอร์ มาร์เก็ต เช่น เทสโก้ โลตัส  25%   ก่อสร้างโรงงาน 25% งานก่อสร้างคอนโดมิเนียม 25% และโรงแรม และห้างสรรพสินค้า 25%    ปัจจุบันมีงานอยู่ในมือหรือแบ็คล็อค จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง  โดยมีงานก่อสร้างใหญ่ 2 งาน คือโครงการเมะ บางนา หรือศูนย์ค้าปลีกขนาดใหญ่ ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่  3 หมื่นตร.ม. มูลค่างาน 3,500 ล้านบาท  และงานก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมในวัดพระธรรมกาย  พื้นที่ 1  แสนตร.ม. มูลค่างาน  3,500 ล้านบาท.            

    

 

ข่าวล่าสุด

‘ม.สงขลาฯ’ ร่วมกรมการแพทย์ รับผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาด้วย CAR-T Cell