ค่ายฤทธาแตกไลน์ลุยตลาดอสังหาฯ
รับเหมาก่อสร้าง แตกไลน์ตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เหตุกำไรได้ดีกว่าเท่าตัว ล่าสุดค่ายฤทธา เปิดตัวไซมิส แอสแสท ลุยทั้งโครงการแนวสูง-แนวราบ ตั้งเป้า 10 ปี ยอดขายแตะหมื่นล้าน
รับเหมาก่อสร้าง แตกไลน์ตั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เหตุกำไรได้ดีกว่าเท่าตัว ล่าสุดค่ายฤทธา เปิดตัวไซมิส แอสแสท ลุยทั้งโครงการแนวสูง-แนวราบ ตั้งเป้า 10 ปี ยอดขายแตะหมื่นล้าน
นายขจร แซ่เอ็ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซมิส แอสเสท ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันกับ บริษัท ฤทธา ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เปิดเผยว่าได้จดทะเบียนตั้งบริษัทฯ เมื่อเดือนมี.ค. 53 เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจพัฒนาอสังหาฯนั้นทำกำไรได้มากกว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถึงเท่าตัว ซึ่งบริษัทฯ วางแผนจะพัฒนาทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ โดยตั้งเป้าว่า 10 ปีจะมียอดขายรวม 1 หมื่นล้านบาท
“ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมานาน 20 ปี เติบโตปีละ 20% มียอดขายไม่ต่ำกว่า ปีละ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2553 มียอดขาย 9,000 ล้านบาท ลดลง10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยลบทางการเมืองในประเทศ ขณะที่กำไรของการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้นจะอยู่ที่ 5-10% แต่หากมาเป็นผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เอง จะสามารถทำกำไรได้สูงถึง 20-30%” นายขจร กล่าว
อย่างไรก็ตามในปีแรกเตรียมจะเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ โครงการไซมิส จอยญ่า ซ.สุขุมวิท 31 พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ สูง 7 ชั้น สไตล์โมเดิร์น คอนเท็มโพรารี จำนวน 168 ยูนิต มีราคาขาย 8 หมื่น-9 หมื่นบาท ต่อตร.ม. มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จับกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ โดยมีราคาต่ำกว่าโครงการอื่นๆระดับเดียวกัน ประมาณ 20-30% ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาขาย 1.5 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไป ปัจจุบันโครงการมียอดขายแล้ว 70% มียูนิตเหลือขาย 50 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท
นอกจากนี้ยัง เตรียมเปิดตัวโครงการคอนโดฯและสำนักงานให้เช่า บริเวณปากซอยราชครู พหลโยธิน ขณะนี้เตรียมซื้อที่ดินจำนวน 1 ไร่เศษมูลค่า 280 ล้านบาท ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ค้างมาตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 40 เนื่องจากประกอบการเดิมไม่สามารถพัฒนาโครงการต่อได้ โดยจะพัฒนาเป็นอาคารสูง 2 อาคารประกอบด้วย 27 ชั้น เป็น คอนโดฯ กับ 15 ชั้น จะพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ มูลค่าโครงการประมาณ 1,200-1,300 ล้านบาท
“โครงการที่ปากซ.ราชครูนั้น ใบอนุญาตก่อสร้างเดิมนั้นหมดอายุไปแล้ว แต่รัฐบาลได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม จึงทำให้สามารถพัฒนาโครงการต่อได้เลย โดยไม่ต้องขออนุญาตเรื่องสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอใหม่ คาดว่าอีก 2-3 เดือน จะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้” นายขจร กล่าว
สำหรับบริษัท ฤทธา นั้นจะกระจายรับงานก่อสร้างหลายรูปแบบ โดยแบ่งเป็นงานก่อสร้างไฮเปอร์ มาร์เก็ต เช่น เทสโก้ โลตัส 25% ก่อสร้างโรงงาน 25% งานก่อสร้างคอนโดมิเนียม 25% และโรงแรม และห้างสรรพสินค้า 25% ปัจจุบันมีงานอยู่ในมือหรือแบ็คล็อค จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีครึ่ง โดยมีงานก่อสร้างใหญ่ 2 งาน คือโครงการเมะ บางนา หรือศูนย์ค้าปลีกขนาดใหญ่ ก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ 3 หมื่นตร.ม. มูลค่างาน 3,500 ล้านบาท และงานก่อสร้างอาคารปฏิบัติธรรมในวัดพระธรรมกาย พื้นที่ 1 แสนตร.ม. มูลค่างาน 3,500 ล้านบาท.


