หนุนคุมคริปโตเคอเรนซี่เข้มงวดขึ้น ป้องกันฟอกเงิน
นักวิชาการสนับสนุนการเก็บภาษีและกำกับควบคุมคริปโตเคอเรนซี่เข้มงวดขึ้น ป้องกันธุรกิจสีเทา
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต เปิดเผยว่า สนับสนุนการเก็บภาษีและกำกับควบคุมคริปโตเคอเรนซี่เข้มงวดขึ้นของทางการ โดยเก็บเฉพาะส่วนกำไรจากทุน ช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจผิดกฎหมายหรือธุรกิจสีเทาใช้ คริปโตเคอเรนซี่ เป็นกลไกในระบบการชำระเงินและฟอกเงิน เนื่องจากธุรกิจผิดกฎหมายหรือธุรกิจสีเทาเหล่านี้ถูกปฏิเสธการทำธุรกรรมผ่านระบบการเงินในระบบที่ถูกกำกับโดยทางการของประเทศต่างๆ ธนาคารกลางในบางประเทศจึงควบคุมไม่ให้มีธุรกรรมดังกล่าวและเร่งออกเงินสกุลดิจิทัลของตัวเอง
ขณะเดียวกัน ธุรกรรมคริปโตเคอเรนซี่ เอง ก็เป็นทางเลือกของประชาชนและกิจการต่างๆที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการชำระเงินในระบบหรือเผชิญต้นทุนสูง โดยเฉพาะการชำระเงินระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังถือเป็นการให้การบริการทางการเงินหรือระบบการชำระเงินแบบกระจายศูนย์ สร้างระบบนิเวศทางการเงินสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม การใช้คริปโตเคอเรนซี่ก่อให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทาย รวมทั้งความเสี่ยงต่อระบบการเงิน ระบบเศรษฐกิจในขณะเดียวกัน แต่เทคโนโลยีทางการเงินนี้ยังดำรงอยู่ต่อไปและพัฒนาต่อไปอีกในอนาคต
ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า คริปโตเคอเรนซี่นี้ไม่พ้นภาวะฟองสบู่และการแตกตัวของฟองสบู่ระลอกสอง ระลอกแรกได้ผ่านมาแล้วจากการที่คริปโตเคอเรนซี่หลายสกุลราคาได้ปรับตัวลงมามากกว่า 40% หรือ บางสกุลก็แทบจะไม่มีมูลค่าหรือมีการฉ้อโกงกัน โดยคาดว่าสัญญาณฟองสบู่คริปโตจะแตกชัดเจนหลังเดือนมีนาคมเมื่อสภาพคล่องในระบบการเงินโลกลดลงจากการลด QE และขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศพัฒนาแล้ว จะทำให้ราคาคริปโตสกุลต่างๆสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้น


