เปิดรวมมิตรมาตรการของขวัญแบงก์รัฐ
แบงก์รัฐจัดหนัก แจกของขวัญช่วยเหลือลูกค้าเต็มสูบตามนโยบายรัฐบาล
ธอส. มอบของขวัญปีใหม่ 2565 ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ส่งเสริมวินัยทางการเงิน ผ่อนดี 48 เดือน รับเงิน 500 บาท / 1,000 บาท ล่าสุดได้รับของขวัญแล้วกว่า 6.8 พันราย
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับข้อสั่งการพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบของขวัญปีใหม่สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวินัยทางการเงินผ่อนชำระเงินงวดสินเชื่อบ้านสม่ำเสมอย้อนหลัง 48 เดือน (นับถึงงวดเดือนพฤศจิกายน 2564) โดยแบ่งลูกค้าเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ได้รับเงิน 1,000 บาท สำหรับลูกค้าที่มีคุณสมบัติและปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข เช่น วงเงินกู้ทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท มีสถานะบัญชีปกติ ชำระเงินงวดผ่าน Application : GHB ALL ในงวดชำระเดือนพฤศจิกายน – งวดชำระเดือนธันวาคม 2564 และกลุ่มที่ 2 ได้รับเงิน 500 บาท สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในกลุ่มที่ 1 และมีสถานะบัญชีปกติ ชำระเงินงวดผ่าน Application : GHB ALL ในงวดชำระเดือนธันวาคม 2564 หรืองวดชำระเดือนมกราคม 2565 เริ่มโครงการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ล่าสุดมีลูกค้าได้รับของขวัญแล้วกว่า 6,726 ราย คิดเป็นจำนวนเงิน 6,736,500 บาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวงจัดเตรียมของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับประชาชนนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทย มีบ้าน” จึงได้จัดทำ “โครงการของขวัญปีใหม่ 2565” สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านของ ธอส.ที่มีวินัยในการผ่อนชำระย้อนหลังรวม 48 เดือน (นับถึงงวดเดือนพฤศจิกายน 2564) ชำระเงินงวดสม่ำเสมอและไม่น้อยกว่าเงินงวดที่ธนาคารกำหนดทุกเดือน โดย ธอส. ได้ประกาศเริ่มโครงการดังกล่าวตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งถือเป็นการส่งมอบความสุขให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ และส่งเสริมการมีวินัยทางการเงินในการผ่อนชำระเงินงวดสินเชื่อบ้านสำหรับลูกค้าธนาคาร โดยแบ่งของขวัญออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ได้รับเงิน 1,000 บาท สำหรับลูกค้าที่มีคุณสมบัติ 1.วงเงินกู้ทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันไม่เกิน 2 ล้านบาท 2.มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้) 3.กรณีลูกค้ารายย่อย ต้องชำระเงินงวดผ่าน Application : GHB ALL ในงวดชำระเดือนพฤศจิกายน – งวดชำระเดือนธันวาคม 2564 และกรณีลูกค้าสวัสดิการ ให้หักเงินเดือนเพื่อผ่อนชำระผ่านหน่วยงานตามปกติ 4.ลูกค้ามี Application : GHB ALL หรือสมัครใช้งานใหม่ ที่ไม่มีบัญชีออมทรัพย์ ต้องเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ สำหรับรับโอนเงินของขวัญปีใหม่จากธนาคาร
กลุ่มที่ 2 ได้รับเงิน 500 บาท สำหรับลูกค้าที่มีคุณสมบัติ 1.ต้องไม่ใช่ผู้ที่ได้รับสิทธิในกลุ่มที่ 1 (ที่ได้รับสิทธิ์เงิน 1,000 บาท) 2.มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้) 3.กรณีลูกค้ารายย่อย ต้องชำระเงินงวดผ่าน Application : GHB ALL ในงวดชำระเดือนธันวาคม 2564 หรืองวดชำระเดือนมกราคม 2565 และกรณีลูกค้าสวัสดิการ ให้หักเงินเดือนเพื่อผ่อนชำระผ่านหน่วยงานตามปกติ 4.ลูกค้าที่ไม่เคยมี Application : GHB ALL ให้สมัครใช้งาน GHB ALL และเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ สำหรับรับโอนเงินของขวัญปีใหม่จากธนาคาร
ลูกค้าที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของโครงการที่ธนาคารกำหนด จะได้รับโอนเงินของขวัญปีใหม่เข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธอส. ที่ลูกค้าผูกบัญชีไว้กับ Application : GHB ALL เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเงินไปใช้จ่ายในด้านที่จำเป็นและสนับสนุนให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2564 และต้นปี 2565 ต่อไป โดย ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ธนาคารโอนเงินของขวัญปีใหม่เข้าบัญชีลูกค้าแล้ว 6,726 ราย วงเงินรวม 6,736,500 บาท แบ่งเป็น ผู้ที่รับเงินโอน 1, 000 บาท จำนวน 6,717 ราย คิดเป็นวงเงิน 6,717,000 บาท และลูกค้าที่ได้รับเงินโอน 500 บาท จำนวน 39 ราย คิดเป็นวงเงิน 19,500 บาท
ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถดาวน์โหลด Application : GHB ALL ได้ทั้งระบบ iOS, Android และ Huawei และนำบัตรประชาชน พร้อมสมุดบัญชีเงินฝาก หรือเลขที่บัญชีเงินกู้มาสมัครใช้งานได้ที่ ธอส.ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร.0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ธ.ก.ส. จัดโครงการชำระดีมีคืน-นาทีทองลดดอกเบี้ยสู้โควิด เป็นของขวัญปีใหม่ให้เกษตรกรลูกค้า
นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการพักชำระหนี้และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าตามศักยภาพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดความกังวลในด้านภาระหนี้สิน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และภัยธรรมชาติ ที่สร้างผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องในการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
โครงการชำระดีมีคืน ปีบัญชี 2564 สำหรับเกษตรกรลูกค้า ที่มีหนี้คงเหลือ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ที่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ยกเว้นหนี้เงินกู้โครงการที่ได้รับชดเชยดอกเบี้ยตามนโยบายรัฐบาล โดยธนาคารจะคืนดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากลูกค้าโดยตรง ร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง ไม่เกินรายละ 1,000 บาท วงเงินงบประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยจะมีเกษตรกรลูกค้าได้รับประโยชน์กว่า 4.1 ล้านราย
และโครงการนาทีทองลดดอกเบี้ยสู้โควิด ปีบัญชี 2564 สำหรับลูกค้าที่มีภาระหนี้ค้างชำระ หรือลูกค้าที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 โดย ธ.ก.ส. จะลดดอกเบี้ย ดังนี้ 1) กรณีชำระหนี้เสร็จสิ้นเป็นรายสัญญา จะลดดอกเบี้ยที่ค้างชำระรวมถึงเบี้ยปรับ ไม่เกินร้อยละ 50 ณ วันชำระหนี้ 2) กรณีชำระดอกเบี้ยได้เสร็จสิ้น แต่ไม่สามารถชำระต้นเงินได้ จะลดดอกเบี้ยค้างชำระรวมถึงเบี้ยปรับ ร้อยละ 30 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง 3) กรณีชำระดอกเบี้ยได้บางส่วนจะลดดอกเบี้ยค้างชำระรวมถึงเบี้ยปรับ ร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง 4) กรณีกลุ่มเกษตรกรสหกรณ์ นิติบุคคล และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ชำระดอกเบี้ยได้เสร็จสิ้นหรือบางส่วน จะลดดอกเบี้ยค้างชำระรวมถึงเบี้ยปรับ ร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง
นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า เมื่อชำระหนี้แล้ว ลูกค้าสามารถรับการสนับสนุนสินเชื่อใหม่เพื่อนำไปลงทุนในการประกอบอาชีพ รวมถึงการฟื้นฟูอาชีพเพื่อสร้างรายได้ โดยเป็นไปตามเงื่อนไขของ ธ.ก.ส. ซึ่งผู้ที่สนใจ สามารถยื่นความประสงค์ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 31 มีนาคม 2565 ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-555-0555.
ออมสิน มอบของขวัญปีใหม่ 2565 ให้ลูกค้าทั้งคนกู้คนฝากกู้ดีมีวินัย รับ 500 บาท ฝากสลากดิจิทัลลุ้นรับรางวัลพิเศษกว่า 20 ล้านบาท
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงจัดของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับลูกค้า โดย ธนาคารออมสิน ภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ได้จัดทำมาตรการ "ของขวัญปีใหม่ 2565" มอบให้ทั้งลูกค้าเงินกู้และลูกค้าเงินฝาก ในส่วนของลูกค้าเงินกู้ มอบของขวัญผ่านโครงการ “วินัยดีมีเงิน” สำหรับลูกค้าสินเชื่อเดิมที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 แสนบาท มีประวัติการชำระหนี้ดีติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ปี มีสถานะหนี้ปกติ(ค้างชำระไม่เกิน 30 วัน) ไม่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือประวัติการตัดหนี้สูญ จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีเป็นเงิน 500 บาท โดยธนาคารจะแจ้งสิทธิให้ลูกค้าที่มีคุณสมบัติดังกล่าวทราบทาง MyMo และขอให้กดรับสิทธิภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2564 โดยธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564
ส่วนของขวัญปีใหม่สำหรับลูกค้าเงินฝาก ธนาคารได้จัดแคมเปญส่งเสริมการออม สำหรับผู้ฝากสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี โดยเพิ่มรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาท จำนวน 20 รางวัล รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท ผ่านโครงการ “สลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ฉลองปีใหม่ 2565” ทั้งนี้จะต้องเป็นผู้ฝากสลากออมสินดิจิทัล 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2564 ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2565 กำหนดออกรางวัลจำนวน 2 ครั้ง (ครั้งที่ 1 วันที่ 16 มีนาคม 2565 จำนวน 10 รางวัล ครั้งที่ 2 วันที่ 16 เมษายน 2565 จำนวน 10 รางวัล) สลากออมสินดิจิทัล 1 ปี รับฝากหน่วยละ 20 บาท ไม่จำกัดวงเงินฝากต่อราย มีสิทธิลุ้นถูกรางวัลทุกเดือนเป็นเวลา 12 เดือน รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัล 3 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเงินรางวัลไม่เสียภาษี
EXIM BANK ออกมาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสุด 2% ต่อปี ช่วยผู้ส่งออกปรับปรุงโรงงานและกระบวนการผลิต เริ่มต้นส่งออก พร้อมลดค่าธรรมเนียมบริการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ซื้อในต่างประเทศ
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่กำลังซื้อในประเทศยังมีโอกาสเติบโตได้น้อยจากข้อจำกัดหลายด้าน อาทิ ภาระหนี้ครัวเรือนและปัญหาการว่างงาน อันเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่เศรษฐกิจโลกในปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่องจากปี 2564 โดยคาดว่าจะขยายตัว 4.9% ตลาดส่งออกสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐฯ จีน อินเดีย และเวียดนาม ก็มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ช่วยให้ไทยมีโอกาสส่งออกได้มากขึ้นในหลายตลาด ดังนั้น EXIM BANK จึงพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ส่งออกได้มากขึ้นโดยเร็ว และแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ในการเตรียมความพร้อมให้ผู้ส่งออกไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่มีสะดุด และก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นใจ EXIM BANK จึงออกมาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 ดังนี้
1. EXIM BANK ปันยิ้ม - ส่งมอบรอยยิ้มด้วยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่
• สินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan สนับสนุนผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อหรือปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ ก่อสร้างอาคารโรงงาน หรือมีการลงทุนใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการปรับตัวหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รองรับโลกยุค Next Normal อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2% ต่อปีใน 2 ปีแรกวงเงินสูงสุด 100 ล้านบาทต่อราย ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี ฟรี! ค่าธรรมเนียมหนังสือค้ำประกันบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 3 ปี กรณีใช้โครงการ บสย. SMEs นำเข้า-ส่งออก
• สินเชื่อ EXIM Jump Start เติมทุน เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจอย่างก้าวกระโดดหลังจากสถานการณ์โควิด-19 วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน บสย. ค้ำประกันเต็มวงเงิน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีใน 2 เดือนแรก จากปกติปีแรก 3% สำหรับลูกค้ารายใหม่และรายเดิม
2. EXIM BANK ปันสุข - ส่งมอบความสุขด้วยบริการประกันการส่งออกที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ โดย EXIM BANK จะยกเว้นค่าวิเคราะห์ข้อมูลจำนวน 1 รายต่อกรมธรรม์ สำหรับผู้เอาประกันรายใหม่ หากมีกรมธรรม์ประกันการส่งออกอยู่แล้วจะได้รับส่วนลด 50% สำหรับค่าวิเคราะห์ข้อมูล 2 รายต่อกรมธรรม์ มูลค่าสูงสุด 3,000 บาทต่อราย
“ภารกิจเร่งด่วนของ EXIM BANK คือ การช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 มีเงินทุนเพียงพอในการฟื้นฟูกิจการ ขณะเดียวกันก็มีความพร้อมที่จะปรับตัวหรือแปลงร่างกิจการ เพื่อที่จะแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในโลกยุค Next Normal ในระยะถัดไป ด้วยบริการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ อันจะช่วยแบ่งเบาภาระและลดต้นทุนของผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจของผู้ประกอบการไทยในการบุกตลาดการค้า ทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ที่กำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวจากโควิด-19 รวมทั้งมีโอกาสใหม่ทางธุรกิจรออยู่ในโลกการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป” ดร.รักษ์ กล่าว
SME D Bank มอบของขวัญเอสเอ็มอีไทย เติมทุนสินเชื่อ วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท ผ่อนสบายนาน 10 ปี
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย ส่งความสุข มอบของขวัญให้เอสเอ็มอีไทยในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยแคมเปญ “SMEs Happy” บริการเติมทุนผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ วงเงินรวมกว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนำไปใช้ขยายกิจการ เสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้างงาน และฟื้นฟูกิจการหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย พิเศษ เมื่อยื่นขอสินเชื่อตามเงื่อนไขธนาคาร ระหว่างวันที่ 4 ม.ค. 2565 - 31 มี.ค. 2565 ได้รับสิทธิ ฟรี! ค่าประเมินหลักประกัน ซึ่งโดยปกติจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000 บาท ช่วยให้ผู้ประกอบการ ลดต้นทุน เดินหน้าธุรกิจได้เต็มศักยภาพ
สำหรับแคมเปญ “SMEs Happy” เปิดกว้างครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่างๆ ได้แก่ สินเชื่อ “SMEs D Plus” เปิดรับรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินเดิม ช่วยลดต้นทุนทางการเงิน รองรับการลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ และเป็นทุนหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.5% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 18 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี สินเชื่อ “SMEs D เพื่อการลงทุน” สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ รวมถึง ปรับเปลี่ยนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.5% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 18 เดือน ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี สินเชื่อ “SMEs D เสริมสภาพคล่อง” เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% ต่อปี และสินเชื่ออื่น ๆ ที่มีหลักประกัน ทั้งนี้ เงื่อนไขที่จะได้รับฟรีค่าประเมินหลักประกัน วงเงินกู้สูงสุด ลูกค้าเดิมไม่เกิน 25 ล้านบาท และลูกค้าใหม่ไม่เกิน 15 ล้านบาท โดยยกเว้นหลักประกันตามเงื่อนไขธนาคาร
ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนกว่า 2,000 ราย รักษาการจ้างงานกว่า 10,000 ราย และสร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 60,000 ล้านบาท ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้ารับบริการแคมเปญ “SMEs Happy” สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาของ SME D Bank ทั่วประเทศ
นอกจากนั้น SME D Bank ยังจัดเตรียมของขวัญด้านการพัฒนา ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยยกระดับธุรกิจ เพิ่มรายได้ ขยายตลาด ฟรี ด้วย 1.โครงการ “หลักสูตร Scale Up” จับมือหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา รับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพ จำนวน 100 ราย เข้าสู่กระบวนการพัฒนาศักยภาพด้วยนวัตกรรม/เทคโนโลยี พร้อมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ด้วยการเชื่อมโยงเข้าถึงข้อมูลภาครัฐ ยกระดับผู้ประกอบการยุคใหม่เพิ่ม Productivity ในมิติต่าง ๆ ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งปกติหลักสูตรนี้จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000 บาทต่อราย และ 2.โครงการ “SME D ช่วยโปรโมท” มอบสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวน 3,000 ราย โปรโมทสินค้าหรือบริการ ฟรี ผ่านช่องทางตลาดที่มีผู้ซื้ออยู่จำนวนมาก และกำลังซื้อมหาศาล ได้แก่ 2.1 จับมือกับการประกวด Miss Tourism World Thailand เพื่อให้ทูตการท่องเที่ยวและทูตการกีฬา ประจำ 77 จังหวัด ร่วมกันประชาสัมพันธ์ธุรกิจ SMEs ทั่วประเทศผ่าน MTW ASIA Shop 2.2 เปิดโอกาสให้นำสินค้าหรือบริการมาฝากร้านได้ฟรีที่เฟซบุ๊กกรุ๊ป “ฝากร้านฟรี SME D Bank” ซึ่งมียอดสมาชิกติดตามกว่าหมื่นราย และ 2.3 นำสินค้าหรือบริการมาฝากสร้างเป็น Content รูปภาพ วิดีโอ ได้ฟรี ที่ "SME D Studio" ณ สำนักงานใหญ่ SME D Bank พร้อมส่งเสริมมาตรฐานการนำเสนอสินค้า SMEs ให้น่าสนใจ สร้างช่องทางการจำหน่ายช่องทางการมองเห็นสินค้าให้แพร่หลาย และสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงช่องทางการตลาดและโอกาสเติบโตยิ่งขึ้น
ทั้งสองโครงการดังกล่าวเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ (21 ธ.ค. 2564) ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2565 มาก่อนได้ก่อน ปิดรับเมื่อเต็มจำนวน ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจ แจ้งความประสงค์ได้ผ่านระบบออนไลน์ โดยสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หรือคลิก https://shorturl.asia/GNICZ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ โทร. 02-265-3192 หรือ Call Center 1357
บสย.จัดหนัก 2 มาตรการของขวัญเพื่อผู้ประกอบการ SMEs ฟรีค่าดำเนินการค้ำ – ผ่อนน้อย เบาแรง หนุนฟื้นเศรษฐกิจ
นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่าได้จัดเตรียมแพคเกจของขวัญปีใหม่มอบให้กับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อเสริมบรรยากาศการค้าการลงทุนในช่วงฟื้นประเทศ รวม 2 มาตรการ ได้แก่
1.มาตรการลูกค้า บสย.
• สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ขอสินเชื่อและขอรับการค้ำประกันสินเชื่อในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS ระยะที่ 9 “ฟรีค่าดำเนินการค้ำประกัน”
• ผู้ประกอบการ SMEs ต้องส่งคำร้องขอค้ำประกันสินเชื่อ ระหว่าง 1-31 มกราคม 2565
• ประมาณวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 5,500 ล้านบาท
2.มาตรการลูกหนี้ บสย. : “ผ่อนน้อย เบาแรง” เพิ่มความคล่องตัวให้ลูกหนี้
• สำหรับลูกหนี้ค้ำประกันสินเชื่อที่ประนอมหนี้กับ บสย.
• ยื่นคำขอระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2565
• ลดค่างวดลงสูงสุด 80% (จ่ายขั้นต่ำ 500 บาทต่องวด)
• ระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน สิ้นสุดไม่เกินเดือน มิ.ย. 2565
สำหรับมาตรการลูกหนี้ : เงื่อนไขการผ่อนชำระ อัตราดอกเบี้ย อายุสัญญา ตลอดจนเงื่อนไขการตั้งพักดอกเบี้ยต่างๆคงตามคำสั่งอนุมัติประนอมหนี้เดิมทุกประการ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ที่ บสย. Call Center 02-890-9999


