โพลล์ส.อ.ท.หนุนรัฐเร่งเปิดประเทศต.ค.นี้ ชงพักหนี้-หยุดดอกเบี้ย 6 เดือน
ซีอีโอภาคอุตสาหกรรม เชียร์รัฐบาลเปิดประเทศ-คลายล็อกดาวน์- ลดเคอร์ฟิวส์ หวังให้เศรษฐกิจเดินหน้า ต.ค.-พ.ย.นี้ เสนอเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยว พักหนี้ยาว6 เดือน
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 10 ในเดือนกันยายน 2564 ภายใต้หัวข้อ “ภาคอุตสาหกรรมพร้อมเปิดประเทศแล้วหรือยัง?” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับแผนการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์ ในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ โดยขอให้ภาครัฐดำเนินนโยบายที่มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้นและบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้
นอกจากนี้ ยังเสนอให้ภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการพักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ยสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ภาคเอกชน รวมทั้งการขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวเพื่อให้ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจบันเทิง เปิดให้บริการได้ พร้อมแนะภาคเอกชนเร่งปรับ Business Model ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19
ทั้งนี้การสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 10 จำนวน 7 คำถาม ดังนี้
1.ท่านเห็นด้วยกับแผนการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนนี้ หรือไม่ พบว่า อันดับที่ 1 เห็นด้วย 78.0% อันดับที่ 2 ไม่เห็นด้วย 22.0% 2. ปัจจัยใดที่ต้องนำมาพิจารณาในการเปิดประเทศ พบวาอันดับที่ 1 อัตราการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ให้แก่ประชาชน ไม่ต่ำกว่า 70% 86.0% อันดับที่ 2 มาตรการคัดกรอง ตรวจติดตามผู้เดินทางเข้าประเทศ 66.7% อันดับที่ 3 ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน 62.7% และ อันดับที่ 4 ความพร้อมด้านระบบสาธารณสุขในการรองรับผู้ติดเชื้อในแต่ละพื้นที่ 59.3%
3.ภาครัฐควรดำเนินนโยบายการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 และดูแลเศรษฐกิจอย่างไร พบว่า อันดับที่ 1 ผ่อนคลายภาคธุรกิจและบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็น 73.3% อันดับที่ 2: เข้มงวด ในการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคทุกช่องทาง 14.0% อันดับที่ 3 เร่งเปิดประเทศ โดยให้ความสำคัญด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสำคัญ 12.7%
4.แนวทางการเปิดประเทศแบบใด ที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน พบว่า อันดับที่ 1 เปิดให้อยู่ในพื้นที่ Sandbox 14 วัน หากไม่พบเชื้อหลัง 14 วัน สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ 44.7% อันดับที่ 2 เปิดให้เดินทางได้ทั่วประเทศ ในรูปแบบการจับคู่ระหว่างประเทศ (Travel Bubble) โดยไม่ต้องกักตัว 26.0% อันดับที่ 3 เปิดเฉพาะพื้นที่ Sandbox เท่านั้น ห้ามออกนอกพื้นที่ 16.7% และอันดับที่ 4 เปิดให้เดินทางได้ทั่วประเทศ แต่ต้องผ่านการกักตัวในสถานที่กักตัว 14 วัน 12.6%
5.การเตรียมความพร้อมเปิดประเทศ รัฐควรให้ความสำคัญในเรื่องใด พบว่าอันดับที่ 1 การเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ Sandbox 70.0% อันดับที่ 2 การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน 69.3% อันดับที่ 3 ระบบสารสนเทศและเทคโนโลยีในการติดตามและเฝ้าระวังผู้เดินทางเข้าประเทศ 67.3% อันดับที่ 4 ความพร้อมในการตรวจเชื้อแบบ RT-PCR และการจัดหาชุดตรวจ Antigen Test Kit 63.3%
6. หลังเปิดประเทศ รัฐควรมีการส่งเสริมอย่างไร พบว่าอันดับที่ 1 พักชำระหนี้และหยุดคิดดอกเบี้ย สำหรับธุรกิจท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เป็นระยะเวลา 6 เดือน 76.0% อันดับที่ 2 ขยายระยะเวลาเคอร์ฟิว และผ่อนผันให้ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจบันเทิงเปิดให้บริการได้ 74.0% อันดับที่ 3 ออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสนับสนุนการจัดงาน Exhibition และการประชุมในประเทศ 54.0% และอันดับที่ 4 ลดค่าน้ำ ค่าไฟ อุดหนุนค่าเช่า ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง 50.7%
7. ภาคอุตสาหกรรมควรเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศอย่างไร พบว่า อันดับที่ 1 ปรับ Business Model ให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง 73.3% อันดับที่ 2 นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ 71.3% อันดับที่ 3 พัฒนาสินค้าและบริการที่ให้ความสำคัญด้านสุขอนามัย และการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค 66.0% อันดับที่ 4 ปฏิบัติตามมาตรการ Bubble and Seal ในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อลดความเสี่ยง 57.3%