กองทุนอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์เพิ่มทุนพันล.
กองทุนอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์เพิ่มทุน 1 พันล้านบาท ขายผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมราคา 10 บาท/หน่วย วันที่ 16-20 ธ.ค.นี้ ลงทุนศูนย์การค้าซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน
กองทุนอสังหาริมทรัพย์เมเจอร์เพิ่มทุน 1 พันล้านบาท ขายผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมราคา 10 บาท/หน่วย วันที่ 16-20 ธ.ค.นี้ ลงทุนศูนย์การค้าซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน
นายสุรเดช เกียรติธนากร ผู้บริหารกลุ่มงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายการเพิ่มทุนของกองทุนรวมเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ไลฟ์สไตล์ (MJLF) เปิดเผยว่า กองทุนรวม MJLF จะเพิ่มทุนจำนวน 1,000 ล้านบาท โดยเสนอขายหน่วยลงทุนจำนวน 100 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 10 บาท เสนอขายผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 3 ธ.ค.2553 สามารถใช้สิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนในอัตรา 1 หน่วยเดิมต่อ 0.4347 หน่วยใหม่ เปิดจองวันที่ 16-20 ธ.ค.2553 หากมีหน่วยลงทุนเหลือจะเสนอขายบุคคลในวงจำกัดและผู้ลงทุนทั่วไปในวันที่ 21-27 ธ.ค.2553
กองทุนจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนเพิ่มในศูนย์การค้าซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน โดยสัญญาเช่าเวลา 30 ปี พื้นที่รวม 11,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันผู้เช่าเต็ม ราคาเช่าประมาณ 700-800 บาทต่อตารางเมตร สัญญาเช่า 3 ปี ปรับเพิ่มประมาณ 15% เมื่อครบสัญญาเช่า ซึ่งพื้นที่เพิ่งเปิดให้เช่ามาประมาณปีกว่าเท่านั้น
“ตั้งแต่กองทุนจัดตั้งเมื่อกลางปี 2550 จนถึงปัจจุบันมีผลตอบแทนเฉลี่ย 8.8% ต่อปี และย้อนหลัง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาผลตอบแทนอยู่ที่ 9% กว่า จึงเชื่อว่าผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมจะให้ความสนใจจองซื้อหน่วยเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพราะการลงทุนเพิ่มน่าจะทำให้ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ในระดับที่ดีขึ้นไปได้และราคาเพิ่มทุนก็มีส่วนลดให้ผู้ถือหน่วยประมาณ 2-3% เมื่อเทียบจากราคาในตลาดหลักทรัพย์”นายสุรเดช กล่าว
ปัจจุบันกองทุนมีขนาด 2,300 ล้านบาท ลงทุนอยู่ในสิทธิการเช่าเมเจอร์รัชโยธินและเมเจอร์ รังสิต หลังการเพิ่มทุนจะทำให้ขนาดกองทุนเพิ่มเป็น 3,300 ล้านบาทน่าจะช่วยให้สภาพคล่องของกองทุนเพิ่มขึ้นได้บ้าง
นายสมนึก พจน์เกษมสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) เปิดเผยว่า ศูนย์การค้าซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน บริหารงานโดยบริษัทรัชโยธิน อเวนิว ซึ่งถือหุ้นโดย SF และ MAJOR สัดส่วนละ 50% ซึ่งการนำพื้นที่ไปให้กองทุนเช่าคิดเป็นมูลค่าประมาณ 960 ล้านบาท โดยบริษัทบริษัทรัชโยธิน อเวนิว จะนำเงินที่ได้จากการให้เช่าพื้นที่ไปชำระคืนเงินกู้ธนาคารไทยพาณิชย์ประมาณ 430 ล้านบาทหลังจากนั้นจะนำเงินที่เหลือแบ่งให้ SF และ MAJOR
ด้านนายฉัฐภูมิ ขันติวิริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป (MAJOR) เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้สิทธิซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน 33% เช่นเดิมและหลังจากพื้นที่ดังกล่าวเข้ามาอยู่ในกองทุนแล้ว MAJOR เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ต่อจะทำให้การจัดโปรโมชั่นต่างๆ ในพื้นที่ทั้งหมดมีต้นทุนที่ถูกลงได้ ซึ่งทำให้แนวโน้มผลตอบแทนในอนาคตของกองทุนดีขึ้น


