ชงบอร์ดบีโอไอออกมาตรการกระตุ้นลงทุน-เพิ่มจ้างงาน
บีโอไอเตรียมออกแพจเกจกระตุ้นลงทุนรอบใหม่ หวังรักษาอัตราจ้างงาน ประคองเศรษฐกิจไทย ชี้อุตสาหกรรมแพทย์มาแรง นักลงทุนแห่ยื่นช่วง6เดือนแรก 52 โครงการ วงเงิน 1.3 หมื่นล้าน โต 174%
น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในเดือนต.ค.นี้ ทางบีโอไอเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นการลงทุนเพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาอัตราการจ้างงานภายในประเทศ ซึ่งจะมีทั้งการเพิ่มประเภทกิจการใหม่และการทบทวนมาตรการ Thailan plus ที่ได้ประกาศออกไปก่อนหน้านี้และกำลังจะสิ้นสุดในปี 2563
ทั้งนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง Global Supply Chain ของอุตสาหกรรมหลายอย่าง เนื่องจากประเทศต่างๆมีมาตรการล็อคดาวน์ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดโอกาสการลงทุนที่เปลี่ยนไป เช่นอุตสาหกรรมทางแพทย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่มมีความจำเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเร่งผลักดันให้ไทยเป็นเมดิคัลฮับในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ตามในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ ม.ค. 2561-มิ.ย.2563 มีโครงการอุตสาหกรรมการแพทย์เสนอขอส่งเสริมการลงทุน รวม 116 โครงการ วงเงินรวม 2.92 หมื่นล้านบาท โดยมาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วง6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.) จากมาตรการเร่งรัดการลงทุนในอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยมีโครงการที่เสนอเข้ามา 52 โครงการมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 174% มูลค่าเพิ่มขึ้น 123%
นอกจากนี้ยังมี อุตสาหกรรมBCG (Bio,Circular,Green) รวมถึงอุตฯดิจิทัล ซึ่งบีโอไอจะเดินหน้าต่อในเรื่องของการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยระบบอัตโนมัติที่ขณะนี้มีการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและกำลังมองให้การนำระบบดิจิทัลมาปรับปรุงการผลิตให้ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการขอรับส่งเสริมฯครึ่งปีแรกปีนี้(ม.ค.– มิ.ย. 2563 )มีการขอรับการส่งเสริมทั้งสิ้น 754 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7% มีมูลค่าเงินลงทุน 158,890 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17%จากผลกระทบโควิด-19 และปีที่ผ่านมามีโครงการขนาดใหญ่ขอรับฯจำนวนมาก โดยครึ่งปีแรกเป็นการขอรับในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 371 โครงการ คิดเป็น 49% ของจำนวนโครงการที่ขอรับการส่งเสริมทั้งหมด โดยทั้งปี 2563 มั่นใจว่าการคำขอรับส่งเสริมฯจะไม่ต่ำไปกว่าปี 2558 ที่ถือว่าปีที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์