"พาณิชย์" ทำเข้มสั่งเช็ค! รถหลวงในสังกัดทุกคันต้องไร้มลพิษ
ปลัดพาณิชย์ สั่งตรวจสอบรถหลวงในสังกัดทุกคัน ต้องไร้มลพิษ ร่วมแก้ปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ชี้ต้นเหตุสำคัญ ควันดำไอเสียรถยนต์เกินค่ามาตรฐาน ร่วมวงด้วย
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการด่วน!! ให้หน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ เร่งสำรวจสภาพรถราชการทุกประเภท ประกอบด้วย รถประจำตำแหน่ง รถส่วนกลาง รถรับรอง และรถรับรองประจำจังหวัด มิให้มีมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากท่อไอเสียที่เกินจากระดับมาตรฐานที่กรมควบคุมมลพิษกำหนด
เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 กำลังสร้างปัญหาด้านสุขภาพอนามัยและการดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก สาเหตุสำคัญ คือ การเผาไหม้ที่สันดาปไม่สมบูรณ์และควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ที่เกินค่ามาตรฐาน ประกอบกับเพื่อรณรงค์ให้หน่วยงานราชการและบุคลากรภาครัฐตระหนักถึงความสำคัญของการลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงและงบประมาณของประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานด่วนไปยังกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้าตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระดับเสียงจากรถราชการ โดยจะเริ่มทยอยตรวจรถยนต์ของหน่วยงานราชการภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์ให้ครบทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการตรวจสภาพรถราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลการตรวจสอบรถราชการของกรมฯ ทั้งประเภทเครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินทุกคันอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
อย่างไรก็ดี ค่ามาตรฐานตามที่กรมควบคุมมลพิษกำหนดของมลพิษทางอากาศที่ถูกปล่อยออกมาจากรถเครื่องยนต์ดีเซลค่าควันดำต้องไม่เกินร้อยละ 50 กรณีจอดรถอยู่กับที่และไม่มีสัมภาระ สำหรับเครื่องยนต์เบนซินต้องมีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ไม่เกินร้อยละ 0.5 และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) ไม่เกิน 100 ppm (รถยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2550) และมาตรฐานมลพิษทางเสียงของเครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภทต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล (dBA) (รถยนต์ที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2557)
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการประหยัดพลังงานเพื่อช่วยลดมลพิษทางอากาศ/ประหยัดงบประมาณของประเทศ โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งมาตรการประหยัดพลังงานนี้ กรมฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อรับผิดชอบการลดการใช้พลังงานขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อกำกับดูแลให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ประกอบด้วย 1. มาตรการลดการใช้ไฟฟ้า
และ 2. มาตรการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมาตรการฯ ดังกล่าว หากประสบผลสำเร็จ จะช่วยให้กรมฯ สามารถประหยัดงบประมาณได้ประมาณร้อยละ 5 ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาล