posttoday

กฟผ. คิกออฟโครงการโซลาร์ลอยน้ำแบบไฮบริดใหญ่ที่สุดในโล

21 มกราคม 2563

กฟผ. ผนึกพันธมิตรลงนามสัญญาจัดซื้อและก่อสร้างโครงการโซลาร์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธรมูลค่ากว่า 842 ล้านบาท

กฟผ. ผนึกพันธมิตรลงนามสัญญาจัดซื้อและก่อสร้างโครงการโซลาร์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธรมูลค่ากว่า 842 ล้านบาท

พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะกรรมการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยหลังเป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ระหว่าง กฟผ. กับกิจการค้าร่วม บี.กริม เพาเวอร์ ‘BGRIM’– เอ็นเนอร์ยี่ ไชน่า ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานระหว่างโซลาร์เซลล์กับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ถือเป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนของประเทศไทยที่ลดข้อจำกัด ความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียน ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพ สอดรับกับนโยบายสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาลตามแผนพัฒนากำลังผลิตพลังไฟฟ้าของประเทศไทยฉบับปัจจุบัน(พีดีพี2018) และช่วยให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดลดการพึ่งพาการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตไฟฟ้า

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. กล่าวว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี เป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยระบบผสมผสานระหว่างโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำที่จะผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางวันร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ จากเขื่อนของกฟผ.ที่มีอยู่เดิมโดยนำระบบบริหารจัดการพลังงาน(Energy Management System หรือ EMS) มาบริหารจัดการพลังงานทั้งสองประเภท ทำให้สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความต้องการของระบบไฟฟ้าโดยในอนาคตยังสามารถนำระบบกักเก็บพลังงานมาใช้ร่วมกับโครงการเพื่อสร้างเสถียรภาพของพลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้าและความมั่นคงทางพลังงานประเทศไทย

สำหรับโครงการโซลาร์ลอยน้ำเขื่อนสิรินธรมีกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการกว่า 842 ล้านบาท จะใช้แผงโซลาร์เซลล์ชนิดดับเบิ้ลกลาสที่เหมาะสมกับการวางแผงโซลาร์เซลล์ใกล้ผิวน้ำที่มีความชื้นสูงและมีการเคลื่อนไหวของผิวน้ำอยู่ตลอดเวลา และใช้ทุ่นลอยน้ำชนิด HDPE (High Density Polyethylene) ไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อม ติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดบนพื้นที่ผิวน้ำกว่า 450 ไร่ โดยใช้ระบบส่งไฟฟ้าเดิมร่วมกับเขื่อนของ กฟผ. เช่น หม้อแปลง สายส่ง สถานีไฟฟ้าแรงสูงทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าในอนาคตมีราคาถูกภายหลังจากการลงนามในสัญญาแล้วคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 12 เดือน และจะสามารถผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในเดือนธันวาคม 2563

ด้าน ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธาน บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ‘BGRIM กล่าวว่า การลงนามสัญญาจัดซื้อและจ้างในครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวของบริษัทที่จะโชว์ศักยภาพในการดำเนินการด้านพลังงานในทุกมิติ การที่ BGRIM ได้รับโอกาสในการพัฒนาและสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำให้กับ กฟผ. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนของประเทศไทย

ทั้งยังเป็นเป็นการเพิ่มศักยภาพและมาตรฐานในการพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานทดแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัท BGRIM พร้อมทั้งยังเป็นการสนองนโยบายของภาครัฐ และเป็นโอกาสที่จะทำให้บริษัทได้รับโอกาสในการพัฒนาและดำเนินการโครงการโซลาร์ทุ่นลอยน้ำในโครงการอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ด้วยความพร้อมและศักยภาพของบริษัทภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก เอ็นเนอร์ยี่ ไชน่า ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีศักยภาพและความได้เปรียบสูงในการบริหารจัดการต้นทุน การจัดหาวัสดุอุปกรณ์และ  การพัฒนาเทคนิควิศวกรรมที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการพัฒนาและก่อสร้าง โครงการโรงไฟฟ้าอันเป็นที่ยอมรับในระดับสากล  

 

 



 

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'