'อนุทิน' ค้านจ่ายค่าก่อสร้างไฮสปีด3สนามบินก่อนเสร็จ100% ติงต้องยึดเงื่อนไขลงทุน
“อนุทิน” ไม่เห็นด้วย อีอีซีเปิดทางจ่ายเงินค่าก่อสร้างไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินก่อนเสร็จ 100% หวั่นทำเกินอำนาจของกฎหมาย ยันยึดตาม RFP ส่วนกรณีซีพีขอลดสัดส่วนถือหุ้น ไม่น่าทำได้
“อนุทิน” ไม่เห็นด้วย อีอีซีเปิดทางจ่ายเงินค่าก่อสร้างไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบินก่อนเสร็จ 100% หวั่นทำเกินอำนาจของกฎหมาย ยันยึดตาม RFP ส่วนกรณีซีพีขอลดสัดส่วนถือหุ้น ไม่น่าทำได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (กพอ.) หรือเลขาธิการอีอีซี มีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ได้มีการลงนามสัญญาไปแล้วระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และบริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ที่มีกลุ่มซีพีถือหุ้นใหญ่สุด 70% โดยจะให้รัฐจ่ายเงินค่าก่อสร้างให้กับกลุ่มซีพี หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จส่วนใดส่วนหนึ่งก่อน หรือทำไปจ่ายไปว่า อย่าไปกังวลตรงนั้น สัญญาเซ็นไปอย่างไร เงื่อนไขในสัญญาเป็นอย่างไร เพราะร่างข้อเสนอ Request for proposal หรือ RFP เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีเงื่อนไขในสัญญาว่าต่างฝ่ายต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น เกินไม่ได้ ขาดไม่ได้ เพราะเป็นสัญญาของภาครัฐ ไม่ใช่สัญญาของภาคเอกชนที่จะสามารถพูดหรือ OFFER อะไรที่นอกเหนือจากสิ่งที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติได้
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ไม่ใช่เรื่องของการค้าการขาย แต่เป็นเรื่องของคู่สัญญาที่รัฐเป็นหนึ่งในคู่สัญญา เพราะถ้าทำอะไรนอกเหนือจากสัญญานั้นแล้ว ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะถูกผู้ที่เข้าร่วมประมูลแล้วไม่ชนะ คู่แข่งต่างๆ คนที่ตัดสินใจไม่เข้าร่วมประมูลเพราะเขาไม่ยอมรับ หรืออาจจะไม่มีความสามารถในการรับเงื่อนไขที่กำหนดอยู่ใน RFP ได้ ถ้าไปปรับต่างจากนี้ไป ก็จะถูกตั้งคำถามได้ว่าไม่บอกเงื่อนไขนี้ก่อน เพราะถ้าบอกก่อนกลุ่มที่ไม่ได้ยื่นก็อาจจะเข้ามายื่นข้อประมูล มายื่นข้อเสนอ มาแข่งขันกัน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขที่ต่างจาก RFP จึงทำไม่ได้
นอกจากนี้บางคนอาจจะเข้าใจว่าอีอีซี มีพระราชบัญญัติพิเศษทำอะไรก็ได้ ซึ่งไม่ใช่ เพราะอีอีซีเป็นพระราชบัญญัติเป็นกฎหมายที่คุ้มครองเฉพาะในอีอีซี แต่ว่าในสัญญาเขียนชัดเจนว่ากฎหมายที่จะใช้ในโครงการอีอีซี จะต้องใช้ประกอบคู่ไปกับกฎหมายอื่นๆด้วย ไม่ใช่กฎหมายอีอีซีเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง ระเบียบพัสดุของสำนักนายกรัฐมนตรี ยังอยู่ในการเงื่อนไขของการดำเนินสัญญาอยู่ เพราะใน RFP กำหนดไว้อยู่แล้วว่าส่งมอบพื้นที่ได้ 100% ภายใน 2 ปี ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องเร่งทำการรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่กีดขวางเส้นทางรถไฟ และจัดการเวนคืนของผู้คนตามแนวเส้นทางรถไฟต่างคนต่างมีหน้าที่ ที่จะไปทำตามกฎหมาย
นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องพยายามทำเต็มที่ เพราะนี่คือกฎหมายของรัฐบาลไทยมีแนวทางการปฏิบัติอยู่แล้ว จะไปคิดว่านี่เป็นกฎหมายการค้าระหว่างธุรกิจ บริษัทห้างร้านไม่ได้ ในส่วนของรัฐบาลไทยถ้ามีปัญหาในเรื่องโครงการส่งมอบพื้นที่ก็ต้องขยายระยะเวลาการก่อสร้าง ไม่ใช่ว่าจะมาขอชดเชย หรือหาสิ่งอื่นมาทดแทน ไม่เอา A แต่ขอ B ไม่เอา B แต่ขอ C อย่างนี้ไม่ได้ เพราะแบบนั้นทำได้ถ้าเป็นบริษัทต่อบริษัท แต่รัฐบาลไทยทำไม่ได้
ส่วนจะต้องทำความเข้าใจกับนายคณิศหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เป็นไร ถือว่ายังใหม่กันอยู่ สักพัก เขาจะต้องรู้เองว่าการดำเนินโครงการต้องทำอย่างไร ยกตัวอย่างใครคือคู่สัญญากับกลุ่มภาคเอกชน ไม่ใช่อีอีซี เพราะคู่สัญญาคือรฟท. แล้วรฟท.ก็มีบอร์ดรฟท. มีผู้ว่ารฟท.ก็ต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากรฟท. รมว.คมนาคม และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ถ้าอยู่ในจุดที่จะต้องใช้อำนาจของคณะรัฐมนตรีในการจะให้ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่ซีพีจะมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบินจำกัด จากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่ 70% ในอนาคตสามารถทำได้หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปดู RFP ว่าทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าตรงไหนทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้ ตรงนี้ต้องอยู่ที่ข้อกำหนด แต่อย่างสัมปทานอื่นๆทำไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นใครมีเงินอย่างเดียวก็มาประมูลเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวขาย เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเป็นสมบัติของชาติ จึงไม่ได้ คือ ตนไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่า แต่ตนคิดว่าทำไม่ได้ เพราะว่าในสัมปทานอื่นๆ ในโครงการพีพีพีอื่นๆถ้าใครเข้ามาเป็นคู่สัญญาก็ต้องอยู่ในนั้น


