พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก!! ตลาดทีวีโฮมช้อปปิ้ง 6 เดือนแรกปีนี้ ยังโต 12.11%

‘สมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง’ชี้ปัจจัยเศรษฐกิจชะลอตัว-7ช่องทีวีดิจิทัลจอดำ หดกำลังซื้อต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง คาดทั้งปีมีมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เผยเทรนด์สินค้าเพื่อผู้สูงอายุ-อีโค โปรดักส์ และกลุ่มอาหารมาแรง

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ นายกสมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – มิถุนายน 2562) มีมูลค่าตลาดรวม 7,351 ล้านบาท เติบโต12.11% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง

โดยมูลค่าตลาดรวมดังกล่าวแบ่งเป็นธุรกิจ 'ทีวีช้อปปิ้ง' (เจ้าของสินค้าซื้อช่วงแอร์ไทม์จากช่องเพื่อทำรายการ) อยู่ที่ 4,243 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% และธุรกิจ
'โฮมช้อปปิ้ง' (ผู้ผลิตทำตลาดขายสินค้าผ่านช่องรายการตลอด24 ชั่วโมง) มีมูลค่าตลาด 3,107 ล้านบาท เติบโตประมาณ 14%

"ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกของปีนี้ที่มีอัตราเติบโตลดลง กระทบต่อผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายเลือกซื้อสินค้า ทำให้ตลาดรวมทีวีโฮมช้อปปิ้งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโตแบบชะลอตัว" นายทรงพล กล่าว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งในครึ่งปีหลังของปีนี้ (กรกฎาคม – ธันวาคม 2562) สมาคมฯ คาดการณ์จะมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6,983 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ โดยทั้งปีคาดมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 14,000 ล้านบาท จากภาพรวมเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยลบภายในและภายนอก ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคน่าจะยังไม่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทั้ง 7 ช่อง ทยอยคืนช่องแก่ กสทช.

ขณะเทรนด์ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าทางทีวีช้อปปิ้งและโฮมช้อปปิ้งมีการเปลี่ยนแปลง โดยเป็นแบบผสมผสานระหว่าง Shopping Experience และ Shopping Journey ที่ต้องการความสะดวกสบาย รวดเร็วและตรงกับความต้องการ

เนื่องจากผู้บริโภคได้ยกระดับสู่การเป็น Prosumer (Professional + Consumer) เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น จึงมีการศึกษาข้อมูลสินค้า เปรียบเทียบราคาและโปรโมชั่น และต้องการเลือกซื้อสินค้าในช่องทางที่ได้ราคาที่ดีที่สุด

ขณะที่การเติบโตของธุรกิจ อี-คอมเมิร์ช และโซเชียล คอมเมิร์ช มองว่าเป็นผลบวกให้กับทีวีโฮมช้อปปิ้ง เพราะถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้เจอ (White Space) โดยธุรกิจทีวีช้อปปิ้งมีฐานลูกค้าใหญ่ คือ กลุ่ม เบบี บูมเมอร์ (ผู้เกิดระหว่างปี 2489– 2507 และ เจน เอ็กซ (ผู้เกิดระหว่างปี 2508 – 2522 ซึ่งยังมีพฤติกรรมรับชมทีวีเป็นสื่อหลัก และกำลังปรับตัวเข้าสู่การสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามการขยายตัวของธุรกิจอี-คอมเมิร์ช และโซเชียล คอมเมิร์ช ส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน เนื่องจากผู้บริโภคกล้าทดลองสั่งซื้อโดยไม่ได้สัมผัสสินค้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการทีวีช้อปปิ้งมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้จากการดำเนินธุรกิจทีวีช้อปปิ้งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สคบ. กสทช. ฯลฯ ส่งผลให้ไม่สามารถโฆษณาสรรพคุณสินค้าเกินจริง ก็มีผลดีต่อความมั่นใจของผู้บริโภคต่อการเลือกซื้อสินค้าผ่านทีวีช้อปปิ้ง

โดยสมาคมฯ ประเมินภาพรวมเทรนด์สินค้าซึ่งจะเป็นที่ต้องการในอนาคต ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้านวัตกรรมที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของประเทศไทยจากสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (อีโค โปรดักต์) ที่คาดว่าจะมีบทบาทต่อการดำเนินธุรกิจมากขึ้น รวมถึงกลุ่มสินค้าด้านอาหารที่กำลังเติบโตพร้อมกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมบริการด้านโลจิสติกส์

สำหรับในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีครัวเรือนที่ติดตั้งอุปกรณ์รับชมรายการโทรทัศน์ทั้งสิ้นประมาณ 21.71 ล้านครัวเรือน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 98.1% จากทั้งหมด 22.13 ล้านครัวเรือน ขณะที่ 'ทีวีดาวเทียม' เป็นช่องทางรับชมที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนการรับชมอยู่ที่ 53.26% เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 50.7% ขณะที่การรับชมทีวีดิจิทัลและเคเบิ้ลทีวีมีสัดส่วนลดลงเล็กน้อย

โดยภาพรวมธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง ในปี2561 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 13,823 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า(2560) 15.5% ปัจจัยมาจากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาด อาทิ Workpoint, Amarin,และผู้ประกอบการทีวีช่องอื่นๆ ที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจทางด้านนี้

สะท้อนว่าธุรกิจทีวีช้อปปิ้งยังมีอนาคตที่ดีและมีกลุ่มลูกค้าที่เหนียวแน่น รวมถึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขยายตัวของธุรกิจอี-คอมเมิร์ชในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากจับกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างแตกต่างกัน เช่น อายุ พื้นที่ในแต่ละภูมิภาค ฯลฯ โดยสมาคมทีวีโฮมช้อปปิ้ง (ประเทศไทย) ประกอบด้วย ทรูซีเล็คท์ ช้อปแชนแนล โอช้อปปิ้ง ทีวีดีช้อป ไฮช้อปปิ้ง และ ทีวีไดเร็ค