'คมนาคม' ยังไม่สิ้นหวัง!! ภายหลังศาลสั่งจ่ายชดเชยโฮปเวลล์
ตั้งดรีมทีมด้านวิศวกรสำรวจโครงการพร้อมประเมินมูลค่าการก่อสร้างที่ดำเนินไปแล้วมาเปรียบเทียบ หวังลดค่าเสียหาย
ตั้งดรีมทีมด้านวิศวกรสำรวจโครงการพร้อมประเมินมูลค่าการก่อสร้างที่ดำเนินไปแล้วมาเปรียบเทียบ หวังลดค่าเสียหาย
นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ่ายชดเชยแก่ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญา เป็นเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 2.5 หมื่นล้านบาทนั้น
ในสัปดาห์หน้าจะมีการนัดประชุมคณะอนุกรรมการด้านวิศวะกรรม เป็นการตั้งทีมทำงานด้านวิศวกรขึ้นมาศึกษาตัวเลขวงเงินชดเชยจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทว่าเหมาะสมหรือไม่ โดยคณะกรรมการจะเข้าไปประเมินมูลค่าการก่อสร้างที่ดำเนินไปแล้ว เช่น เสาตอม่อหลายร้อยต้น เพื่อนำราคามาเปรียบเทียบกับค่าชดเชยที่ศาลได้ระบุไว้ ว่ามูลค่าเป็นอย่างไร หรือ ลดลงได้หรือไม่
โดยในทีมงาน จะมีทั้งตัวแทนจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กรมทางหลวง(ทล.) และ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.)
นายพิศักดิ์ กล่าวว่าต้องใช้บุคลากรจากหน่วยงานที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญงานก่อสร้าง มาช่วยกันประเมิน ส่วนด้านแบบรายละเอียดการก่อสร้างนั้นไม่มีอยู่ในมือกระทรวงคมนาคมและรฟท. เนื่องจากเป็นโครงการที่ผู้รับเหมาออกแบบเองทั้งหมด ข้อมูลจึงอยู่กับโฮปเวลล์
โดยกระทรวงคมนาคมเคยยื่นหนังสือขอรายละเอียดการออกแบบลงทุนโครงการ ก็ได้เเต่เพียงส่งแบบร่างโครงการคร่าวๆมาให้ ซึ่งไม่สามารถนำไปคำนวณเป็นค่าก่อสร้างได้
รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่าหากกระทรวงคมนาคมสำรวจพบว่าค่าเสียหายที่ศาลมีคำสั้งให้ชดใช้เกือบ 1.2 หมื่นล้านบาทนั้นไม่ตรงกับตัวเลขที่ส่งวิศวกรไปประเมินราคา มีโอกาสที่จะสามารถลดค่าเสียหายได้จากที่คำสั่งเดิมสั่งชดใช้ ทว่าตามหลักการทั่วไป หากศาลฟ้องจ่ายค่าเสียหายแล้วจำเลยไม่ชำระตามจำนวนที่ศาลสั่งพร้อมชี้แจงเหตุผลนั้น ขั้นตอนการพิจารณาเป็นดุลพินิจศาลมีหลายกรณีที่การฟ้องเรียกค่าเสียหาย มักไม่ได้ตามจำนวนที่ฟ้อง หากหลักฐานของโจทก์นั้นคลุมเครือไม่ชัดเจน
ส่วนด้านกรณีคดีทางแพ่งถ้าจำเลย ไม่มีหลักทรัพย์ แม้ศาลจะตัดสินให้มากเท่าไร หากจำเลยไม่มีจ่าย ก็ต้องรอไม่มีกำหนด หรือ ฟ้องล้มละลาย ถ้ามูลค่าหนี้


