เซ็นทรัลทุ่ม50ล้านเปิดเว็บช็อปปิ้งออนไลน์
เซ็นทรัล ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เปิดเว็บไซต์เซ็นทรัลช้อปปิ้งออนไลน์ สนองไลฟ์สไตล์ลูกค้า ตั้งเป้าปีแรกยอดขาย 350 ล้านบาท สัดส่วน 10% จากยอดขายรวมใน 10 ปี
เซ็นทรัล ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เปิดเว็บไซต์เซ็นทรัลช้อปปิ้งออนไลน์ สนองไลฟ์สไตล์ลูกค้า ตั้งเป้าปีแรกยอดขาย 350 ล้านบาท สัดส่วน 10% จากยอดขายรวมใน 10 ปี
นางยุวดี จิรธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบเป็นเงิน 50 ล้านบาท ในการวางระบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ พร้อมแผนการในทำตลาด เวบไซต์สำหรับซื้อสินค้าออนไลน์ในชื่อ www.central.co.th ไปจนถึงสิ้นปีหน้า โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีแรกหรือจนถึงสิ้นปี 2554 ไว้ที่ 350 ล้านบาท และคาดว่ารายได้จากเว็บไซต์จะเติบโตขึ้นคิดเป็น 5% ใน 5 ปี และ 10% ในอีก 10 ปี ข้างหน้า ซึ่งปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้าน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 4%
ทั้งนี้ การเปิดตัวเวบไซต์ในครั้งนี้ถือเป็นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่เปลี่ยนไปที่มีพฤติกรรมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น การขยายโอกาสในการขายสินค้า เพราะสามารถขายได้ตลอดเวลา 24 ชม. ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ และยังให้ลูกค้าที่อยู่ในต่างจังหวัด หรือในจังหวัดที่ยังไม่มีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งบริษัทพบว่าหลังจากทดลองเปิดเวบไซต์มาตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมามีลูกค้าในจังหวัดต่างๆ เข้ามาใช้บริการถึง 41%
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มเป้าหมายหลักที่นิยมใช้อินเตอร์เน็ตอายุระหว่าง 25 – 54 ปี และกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงอายุระหว่าง 34 – 39 ปี โดยผู้ที่ซื้อสินค้าออนไลน์จากเว็บไซต์จะมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 บาทต่อคน ทั้งยังแบ่งเป็นลูกค้าเก่าที่มาจากบัตรเดอะวัน การ์ด 33% และอีก 67% มาจากลูกค้าใหม่
ปัจจุบัน เวบไซต์มีสินค้าวางจำหน่ายกว่า 5,000 เอสเคยู จาก ใน 8 กลุ่มสินค้า เช่น สตรี, ความงาม, ผู้ชาย, เด็ก, กระเป๋าและรองเท้า เป็นต้น ในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะมีสินค้าวางจำหน่ายเพิ่มเป็นกว่า 1 หมื่นเอสเคยู โดยเพิ่มสินค้าอีกหลายกลุ่ม เช่น มูจิ, กลุ่มสินค้าลดราคา ซึ่งสินค้าที่วางจำหน่ายในขณะนี้เป็นสินค้าที่มีอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล
แต่ในอนาคตบริษัทวางแผนที่จะวางสินค้าในเวบไซต์แตกต่างจากสินค้าที่วางจำหน่ายในห้างฯ คิดเป็นสัดส่วน 20 – 30%
นางยุวดี เผยต่อว่า ความเสียหายของเซ็นทรัลสาขาหาดใหญ่ที่ถูกน้ำท่วมในขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะประเมินความเสียหายได้แต่สินค้าและพื้นที่การขายในชั้นใต้ดินเสียหายทั้งหมด ส่วนชั้น 1 สามารถเก็บสินค้าหนี้น้ำได้ทัน แต่พื้นการขายก็ได้รับความเสียหาย คาดว่าหากจะต้องปรับปรุงพื้นที่ใหม่จะต้องใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท
จากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนักในปีนี้ทำให้บริษัทต้องวางมาตรการในการป้องกันน้ำท่วมให้มากขึ้น หรืออาจจะไม่เปิดชั้นใต้ดินเป็นพื้นที่ทำการขาย เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในอนาคต เพราะประเทศไทยหลายพื้นที่มีความเสี่ยงกับภาวะน้ำท่วมสูง


