posttoday

เกษมสันต์ วีระกุล หยุดเลือด‘ซีเอ็ด’ฝ่าดิสรัปชั่น

31 มีนาคม 2562

แม้ว่าเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น

แม้ว่าเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น ได้แค่เพียง 4 เดือน สำหรับ เกษมสันต์ วีระกุล แต่สถานการณ์ของซีเอ็ดก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากผลประกอบการในปี 2561 ที่เริ่มมีกำไรให้เห็นอยู่ที่ประมาณ 14.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156.85% จากปี 2560 ที่ขาดทุนไปประมาณ 25.70 ล้านบาท บ่งบอกว่าสถานการณ์ของซีเอ็ดในขณะนี้เลือดได้หยุดไหลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าภาพรวมรายได้ในปี 2561 จะยังคงลดลง 10.62% หรือมีการขายอยู่ที่ 3,304.68 ล้านบาท

จากผลกำไรที่เริ่มเห็นอยู่ในแดนบวก ส่งผลให้พนักงานภายในองค์กรของซีเอ็ดเริ่มมีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น และเพื่อให้พนักงานมีขวัญกำลังใจในการทำงานมากขึ้น ในปี 2562 นี้ เกษมสันต์ ยังคงเดินหน้าไปเยี่ยมชมพร้อมให้กำลังใจพนักงานของร้านหนังสือซีเอ็ดที่กระจายอยู่ทั่วประเทศอีกกว่า 200 สาขา หลังจากปลายปี 2561 ที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปี 2562 นี้ได้เดินสายไปให้ขวัญกำลังใจพนักงานที่ร้านหนังสือซีเอ็ดแล้วกว่า 100 สาขา จากจำนวนสาขาที่มีทั้งหมดกว่า 350 สาขา

เกษมสันต์ กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 2561 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการ ยอมรับว่า วงการหนังสือของไทยกำลังอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ขวัญและกำลังใจของคนที่อยู่ในวงการหนังสือตกต่ำอย่างมาก สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็น
ความท้าทายอย่างมากสำหรับการเข้ามารับตำแหน่ง เพราะหน้าที่หลักของการเข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ คือ การรักษาร้านหนังสือซีเอ็ดให้อยู่คู่กับสังคมไทยให้ได้มากที่สุด

ความท้าทายที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ เกษมสันต์ ขอมติจัดตั้งคณะทำงาน “Change Management”ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที โดยภาระกิจหลักที่ เกษมสันต์ ต้องการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อพาองค์กรของซีเอ็ดผ่านพ้นวิกฤตการถูกเทคโนโลยีดิสรัปชั่นมีอยู่ด้วยกัน 5 ยุทธศาสตร์หลัก คือ 1.การสร้างขวัญกำลังใจ และเติมเต็มความสามารถที่เหมาะกับยุคสมัยให้กับทีมซีเอ็ด ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา เกษมสันต์ ได้เดินสายไปสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานร้านหนังสือซีเอ็ดทั่วประเทศแล้วประมาณ 104 สาขา

เกษมสันต์ วีระกุล หยุดเลือด‘ซีเอ็ด’ฝ่าดิสรัปชั่น

สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การปรับร้านหนังสือซีเอ็ดกว่า 350 สาขาทั่วประเทศไทยให้มีความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้ดีที่สุด เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านหนังสือที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในประเทศไทย ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 3 คือ การพัฒนาหน่วยธุรกิจต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะสำนักพิมพ์และการจัดจำหน่าย

ล่าสุด เกษมสันต์ ได้มีการเปิดตัว 5 สำนักพิมพ์ใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง ประกอบด้วย สำนักพิมพ์ Fukurou (ฟุกุโร) เน้นผลิตหนังสือในหมวดคู่มือเรียน-สอบระดับประถมและมัธยมWisdom World เน้นผลิตหนังสือในหมวดคู่มือเรียน-สอบระดับอุดมศึกษาขึ้นไป Unicorn เน้นผลิตหนังสือ
ในหมวดวรรณกรรม Life+ เน้นผลิตหนังสือในหมวดสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ อาหาร และ Change+เน้นผลิตหนังสือในหมวดจิตวิทยา พัฒนาตนเอง

เกษมสันต์ กล่าวว่า ในส่วนของสำนักพิมพ์ซีเอ็ดจะเน้นไปที่การผลิตหนังสือในหมวดวิชาการ การศึกษา การเงิน และการลงทุน เนื่องจากซีเอ็ดมีจุดแข็งในด้านดังกล่าว หากซีเอ็ดหันไปผลิตหนังสือในหมวดอื่นๆ เชื่อว่าทำได้เหมือนกัน แต่ผู้อ่านอาจจะไม่เชื่อ เพราะซีเอ็ดไม่มีความเชี่ยวชาญหมวดหนังสืออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์หรือวรรณกรรม ดังนั้นบริษัทจึงต้องหันมาเปิดตัวสำนักพิมพ์ใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า

ขณะที่ยุทธศาสตร์ที่ 4 จะเป็นการลงทุนด้านดิจิทัล เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และอี-บุ๊ก ซึ่งในเร็วๆ นี้ซีเอ็ดมีแผนที่จะใช้หน้าร้านของซีเอ็ดเป็นสถานที่จัดส่งหนังสือให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านช่องทางเว็บไซต์ของซีเอ็ด เนื่องจากร้านหนังสือซีเอ็ดมีจำนวนสาขามากถึง 350 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนาอี-บุ๊ก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่อีกด้วย

เกษมสันต์ วีระกุล หยุดเลือด‘ซีเอ็ด’ฝ่าดิสรัปชั่น

ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ 5 จะเป็นการจับมือร่วมกับบริษัทและองค์กรอื่นๆ ในวงการหนังสือ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและกระตุ้นการอ่าน ควบคู่ไปกับการช่วยกันรักษาธุรกิจร้านหนังสือรายย่อยในวงการ โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันร้านหนังสือรายย่อยยังคงมีปัญหาในด้านของการจัดซื้อหนังสือที่ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ซีเอ็ดและพันธมิตรจึงมีแนวคิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือในด้านของการขนส่ง

เกษมสันต์ กล่าวต่อว่า จุดแข็งของร้านหนังสือซีเอ็ด คือภาพลักษณ์ความเป็นร้านหนังสือที่ชัดเจนที่สุด และมีสาขามากที่สุดในประเทศ ด้วยเหตุนี้เราจะใช้ความเป็นเครือข่ายร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด นั่นก็คือการสร้างกลยุทธ์การบริหารจัดการด้วยการเปลี่ยนรูปแบบการบริหารให้สอดคล้องกับทำเลที่ตั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน และสร้างอัตลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับสาขาในพื้นที่ต่างๆ

“แม้ว่าตอนนี้เราจะเชื่อมั่นว่าร้านหนังสือจะยังไม่ตาย แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อดิจิทัลเข้ามามีบทบาทกับผู้บริโภค ดังนั้นเราจึงจะใช้สื่อดิจิทัลเป็นตัวเสริมในการทำธุรกิจ ด้วยการใช้เว็บไซต์ของซีเอ็ดเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขาย ขณะเดียวกันก็จะจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจมากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกัน ล่าสุดจับมือกับบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยีโดยสมาชิกบัตร PT Max Card สามารถนำคะแนนสะสมเป็นส่วนลดในการซื้อหนังสือที่ร้านซีเอ็ดได้ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของธุรกิจร้านหนังสือที่ออกมาทำมาร์เก็ตติ้ง” เกษมสันต์ กล่าว

นอกจากนี้ เกษมสันต์ ยังมีแผนที่จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้านหนังสือซีเอ็ดให้เป็นที่รู้จัก เพื่อย้ำผู้นำธุรกิจร้านหนังสือที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทย

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง