หนี้ครัวเรือน เขย่าเสถียรภาพการเงิน
ธปท. เผย สาเหตุหลัก ที่ครัวเรือนมีหนี้มาจากรายรับที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งเกี่ยวเนื่องไปถึงการขาดวินัยทางการเงิน
ธปท. เผย สาเหตุหลัก ที่ครัวเรือนมีหนี้มาจากรายรับที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งเกี่ยวเนื่องไปถึงการขาดวินัยทางการเงิน
นาย วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภูมิต้านทานของเศรษฐกิจไทยในระดับมหภาคจัดว่าค่อนข้างดี แต่ในระดับครัวเรือนนั้นถือว่ายังเปราะบางมากจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา หนี้ครัวเรือนของเรามีปัญหาทั้งปริมาณและคุณภาพ ระดับหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ประมาณ 77.8% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีรายได้ใกล้เคียงกับไทย ถ้าดูรายละเอียดจะพบว่าเรามีสัดส่วนหนี้เสียในระดับสูงด้วย และยอดหนี้ของคนไทยจำนวนมากไม่ได้ลดลงแม้ว่าจะมีอายุมากขึ้นจนถึงวัยใกล้เกษียณ
ครัวเรือนไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องหนี้ครัวเรือนมากขึ้น เพราะเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประเทศไทยอาจจะเป็นประเทศแรกในโลกที่คนส่วนใหญ่จะแก่ก่อนรวย โดยผลสำรวจเศรษฐกิจและสังคมครัวเรือนตั้งแต่หลายปีก่อน พบว่าคนไทยราว 3 ใน 4 ไม่สามารถออมเงินได้ในระดับที่ตั้งใจไว้สำหรับการเกษียณอายุ และเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่มีแผนการออมอย่างเป็นรูปธรรมหรือกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการวางแผนการออม ถ้าครัวเรือนไทยไม่สามารถพึ่งพาการออมของตัวเอง
หนี้ครัวเรือนไทยที่อยู่ในระดับสูงเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค เป็นประเด็นสำคัญระดับประเทศที่หลายฝ่ายวิตกกังวลโดยมีที่มาจากหลายสาเหตุ อาทิ นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจซบเซา ภัยน้ำท่วมใหญ่ในช่วงปี 2554-2555 ที่ทำให้ครัวเรือนต้องก่อหนี้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัย การเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินในระบบที่มากขึ้น รวมถึงทัศนคติ พฤติกรรม หรือวินัยทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงไปของครัวเรือน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ครัวเรือนไทยสะสมความเปราะบางทางการเงินและอ่อนไหวต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆ มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเข้มแข็งและเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมในที่สุด
ทั้งนี้ ธปท.ได้จัดโครงกร BOTNielsen Household Financial Survey ได้สำรวจข้อมูลในหลายมิติ อาทิ รายได้ รายจ่าย สินทรัพย์ หนี้สิน ภาระชำระหนี้ การออมและการลงทุน ทัศนคติด้านการเงิน รวมถึงความคิดเห็นต่อการก่อหนี้และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
พบว่าสาเหตุหลักๆ ที่ครัวเรือนมีหนี้มาจากรายรับที่ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งเกี่ยวเนื่องไปถึงการขาดวินัยทางการเงิน รองลงมา คือ การก่อหนี้เพื่อลงทุนหรือเก็บเป็นสินทรัพย์ และการขาดความรู้ทางการเงิน
สำหรับปัจจัยที่ครัวเรือนคิดว่าจะสามารถแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ดี คือ การมีวินัยของครัวเรือนเอง การได้รับความรู้ทางการเงินและการปรับโครงสร้างหนี้ ส่วนปัจจัยรองลงมาคือ การลดดอกเบี้ยเพื่อลดภาระในการชำระหนี้ การส่งเสริมการเข้าถึงหนี้ในระบบ และการเข้าถึงเครื่องมือการป้องกันความเสี่ยงของครัวเรือน เช่น การทำประกันสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ความรุนแรงของปัญหาวินัยทางการเงินของครัวเรือนอยู่ในระดับใดนั้น จากการศึกษานี้แบ่งครัวเรือนโดยใช้เกณฑ์การมีหนี้/ไม่มีหนี้ และการมี/ไม่มีปัญหาทางการเงิน ซึ่งสามารถแบ่งครัวเรือนออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1) กลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้ (53% ของครัวเรือนทั้งหมด) 2) กลุ่มครัวเรือนที่ไม่มีหนี้ (47% ของครัวเรือนทั้งหมด) 3) กลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้และมีปัญหาทางการเงิน (19% ของครัวเรือนที่มีหนี้) และ 4) กลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้แต่ไม่มีปัญหาทางการเงิน (81% ของครัวเรือนที่มีหนี้)
ความสำคัญด้านฐานะทางการเงินระหว่างกลุ่มครัวเรือนต่างๆ ชี้ว่า กลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้มีรายจ่ายโดยเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มครัวเรือนที่ไม่มีหนี้ (ค่าเฉลี่ย 34,141 บาท เทียบกับ 22,570บาท ตามลำดับ) ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ เพราะรายได้โดยเฉลี่ยของกลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้สูงกว่ากลุ่มครัวเรือนที่ไม่มีหนี้ (ค่าเฉลี่ย 70,481 บาท เทียบกับ 39,324 บาท ตามลำดับ)
ดังนั้น การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ย (mean) หรือค่ามัธยฐาน (median) ระหว่างสองกลุ่มเพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถระบุว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายของครัวเรือนสองกลุ่มแตกต่างกันหรือไม่
ด้านผลการศึกษาต่อครัวเรือนและนัยเชิงนโยบาย พบว่า การขาดวินัยทางการเงินของครัวเรือนเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินของภาคครัวเรือน โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีหนี้และมีปัญหาทางการเงินมักจะไม่ระมัดระวังในการใช้จ่าย มีไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างสุรุ่ยสุร่าย และมักจะให้ความสำคัญกับความมีหน้ามีตาทางสังคม รวมทั้งขาดการประเมินกำลังซื้อของตนเอง จึงเห็นค่าใช้จ่ายของครัวเรือนสูงกว่ากลุ่มครัวเรือนที่ไม่มีหนี้หรือ กลุ่มครัวเรือนที่มีหนี้แต่ไม่มีปัญหาใน ค่าใช้จ่ายหลายๆ หมวด


