คลังคาด "ธนาคารทหารไทย-ธนชาต" ลงนามควบรวมมี.ค.นี้
คลัง เผย ควบรวมทหารไทย-ธนชาต เตรียมลงนามร่วมกันมี.ค.นี้ พร้อมเร่งทำรายละเอียดให้เเล้วเสร็จภสยใน3-4 เดือน เพื่อเสนอครม.พิจารณาต่อไป
คลัง เผย ควบรวมทหารไทย-ธนชาต เตรียมลงนามร่วมกันมี.ค.นี้ พร้อมเร่งทำรายละเอียดให้เเล้วเสร็จภสยใน3-4 เดือน เพื่อเสนอครม.พิจารณาต่อไป
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การควบรวมธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ขณะนี้ได้ข้อสรุปรายละเอียดการควบรวมขั้นสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว หลังบอร์ดผู้บริหารทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือกันหลายครั้งคาดว่า จะสามารถลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(เอ็มโอยู) เพื่อควบรวมทั้งสองธนาคารได้ภายในเดือนมี.ค2562 และเร่งจัดทำรายละเอียดการควบรวม โครงสร้างต่างๆภายใน 3-4 เดือน เช่น โครงสร้างภายใน จำนวนพนักงาน การประเมินทรัพย์สิน การตรวจสอบสินทรัพย์ โครงสร้างเงินเดือนพนักงาน การแบ่งงานของบอร์ดบริหาร ก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบต่อไป
ส่วนการเพิ่มทุนของกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นธนาคารทหารไทย มองว่า การเพิ่มทุนเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่า จากโอกาสของผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นหลังการควบรวบของธนาคารทั้งสองแห่ง รวมถึงขนาดสินทรัพย์ของธนาคารใหม่ที่จะขยับขึ้นมาอยู่ในระดับที่ 5 หรือ 6 ของธนาคารทั้งหมด อีกทั้งธนาคารจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น มีเงินทุนเพียงในการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อทำกำไร และมีค่าใช้จ่ายลดลง ขณะเดียวกัน ด้านสัดส่วนการถือหุ้น จะขึ้นอยู่กับสัดส่วนของหุ้นและการคำนวนราคาด้วย
ทั้งนี้ ในอดีต ธนาคารทหารไทยมีผลขาดทุนสะสมเยอะมาก แต่วันนี้ผ่านพ้นการขาดทุนสะสม และกลับมามีกำไรสะสม โดยราคาเริ่มต้นต่อหุ้น หรือราคาพาร์ จาก 1 บาท เพิ่มขึ้นเป็น2 บาทกว่า การคงบรวมถือเป็นโอกาสดีที่แบงก์จะมีความเเข็งแรงขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับขึ้นได้อีก อย่างเช่นหลายธนาคารที่ราคาหุ้นต่อทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น มาเป็น 100 บาท และรายย่อยก็สามารถซื้อเพิ่มได้
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารทหารไทยเลือกควบรวมกับธนาคารธนชาติ เพราะมองว่ามีความเหมาะสม ขนาดเงินทุนมีความใกล้เคียงกัน ทำให้การเพิ่มทุนไม่เกินกำลังจนเกินไป อีกทั้ง มองว่า ธนาคารธนชาติ มีในส่วนที่ทหารไทยไม่มี เข่น ธุรกิจเช่าซื้อ ดังนั้นหากควบรวมกันจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่สถาบันการเงินและส่งผลดีต่อประเทศไทยอีกด้วย


