ศิลปะการนวดวัดโพธิ์ จะเป็นมรดกโลก
กระทรวงวัฒนธรรม ยืนยันเสนอ “นวดไทย”
โดย สมาน สุดโต
กระทรวงวัฒนธรรม ยืนยันเสนอ “นวดไทย” ขึ้นบัญชีมรดกโลกในการพิจารณาขององค์การยูเนสโก
ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กรณีผู้แทนถาวรไทย ประจำองค์การยูเนสโก กรุงปารีส เรื่องขอให้ประเทศไทยแจ้งยืนยันการเสนอรายการ “นวดแผนไทย” เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลก ของยูเนสโก เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในรอบปี 2562
ล่าสุด ยูเนสโกขึ้นทะเบียนโขน เป็นมรดกวัฒนธรรมภูมิปัญญาที่จับต้องไม่ได้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2561
ล่าสุด วีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม ได้ทำหนังสือแจ้งยืนยันการเสนอรายการนวดไทย เพื่อแจ้งต่อเลขานุการอนุสัญญาฯ ของยูเนสโก เรียบร้อยแล้ว
ผู้เขียนได้หนังสือสมโภชพระอาราม 230 ปี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 2331-2561 มีข้อมูลตำราการแพทย์แผนไทยวัดโพธิ์ โดยอาจารย์ก่องแก้ว วีระประจักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ ข้าราชการบำนาญ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอนำมาเสนอในคอลัมน์นี้ เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาไทย ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
อาจารย์ก่องแก้ว เขียนว่า ตำราการแพทย์แผนไทยวัดโพธิ์ เป็นวิชาการแพทย์แผนไทยที่เป็นความรู้สืบทอดมาแต่โบราณสันนิษฐานว่าเมื่อครั้งสงครามในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น ตำราการแพทย์แผนไทยคงจะสูญหาย กระจัดกระจายไปไม่น้อย
ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (2310-2325) ทรงกอบกู้เอกราชไทย ทรงฟื้นฟูบ้านเมืองทุกด้าน รวมทั้งให้ค้นคว้ารวบรวมแพทย์แผนไทย จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (พ.ศ. 2325-2352) พระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงตระหนักถึงคุณค่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมตำรายา จารึกลงบนแผ่นศิลาและปั้นรูปฤๅษีดัดตน ประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ เมื่อ พ.ศ. 2331 ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. 2367-2394) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตในวิชาการสาขาต่างๆ ค้นคว้ารวบรวม ตรวจสอบและคัดสรรตำราวิชาการต่างๆ ให้ถูกต้องแล้วให้จารึกลงบนแผ่นศิลาประดิษฐานไว้ในเสนาสนะภายในวัดโพธิ์ เพื่อให้อาณาประชาราษฎร์ศึกษาเรียนรู้อย่างทั่วถึง เฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตำราแพทย์แผนไทย เป็นตำราที่จารึกไว้อย่างมีระบบ เช่นตำรายา และตำรานวด
จะกล่าวเฉพาะตำรานวด ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอยูเนสโก ให้ยกเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
อันตำรานวด นั้น เป็นตำราแบบแผนวิธีรักษาโรคด้วยการใช้มือ หรือนิ้วมือกดไปตามเส้นเอ็นต่างๆ ของร่างกาย เพื่อให้คลายจากอาการโรค
ในแผ่นจารึกจะมีภาพรูปร่างคน ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง พร้อมทั้งมีเส้นโยงบอกจุดตำแหน่งของเส้นเอ็นในร่างกายที่กำหนดเรียกว่า แผน
ถ้าเป็นภาพด้านหน้าเรียกว่า แผนหงาย ภาพด้านหลังเรียกว่า แผนคว่ำ แผนเส้นเหล่านี้ระบุตำแหน่งจุดต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กัน ตลอดจนระบุชื่อเส้นและจุดที่จะแก้ไขให้บรรเทาอาการโรคต่างๆ ด้วย
แผนเส้นดังกล่าวข้างต้น เป็นแบบแผนการรักษาที่หมอนวดนำมาใช้เป็นหลัก ในการนวดเพื่อบำบัดรักษาอาการโรคต่างๆ เช่น นวดให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียน หรือบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่ เช่น ไหล่ติด เข่าขัด หรือนวดเพื่อให้หายปวดเมื่อแขน ขา คลายความเจ็บปวด คลายความเครียด เป็นต้น
จารึกตำรานวดที่วัดโพธิ์ เป็นตำราที่หมอนวดผู้ศึกษาเล่าเรียนนำมาใช้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพ รักษาให้หายจากอาการโรคได้จริง จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง เป็นที่ยอมรับและแพร่หลายรู้จักกันดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ต่อมาวัดโพธิ์ได้จัดตั้งโรงเรียนแพทย์แผนโบราณขึ้น ใน พ.ศ. 2504 การศึกษาวิชาการแพทย์แผนไทยจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีผู้ศึกษาเล่าเรียนสำเร็จเป็นหมอยา หมอนวด โดยมีประกาศนียบัตรประกอบโรคศิลปะให้ด้วย
วิชาการแพทย์แผนไทยจึงเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ปีต่อมาวัดโพธิ์ก็ได้ขยายการเรียนการสอนโดยมอบให้โรงเรียนนวดแผนโบราณ วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) สอนวิชานวด และรับนวดให้แก่ผู้ป่วยทั่วไป โดยเหตุนี้วิชานวดวัดโพธิ์ หรือหมอนวดวัดโพธิ์ จึงเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสืบมาจนถึงปัจจุบัน
อนึ่ง เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2554 คณะกรรมการที่ปรึกษานานาชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ประกาศขึ้นทะเบียนจารึก 1,440 แผ่น ของวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือเรียกกันติดปากว่า “วัดโพธิ์” เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก (Memory of The World) ในบัญชีนานาชาติถือว่าเป็นข่าวดีและสร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ
“จารึกวัดโพธิ์” เริ่มสร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระองค์ต้องการให้วัดแห่งนี้เป็น “มหาวิทยาลัย” สำหรับประชาชนทั่วไป


