posttoday

พีระพงศ์ จรูญเอก ออริจิ้นต้องใหญ่

09 ธันวาคม 2561

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

โดย ยินดี ฤตวิรุฬห์  

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) วันนี้วัยเพียง 42 ปี เขาถือว่าเป็นผู้บริหารหนุ่มที่ประสบความสำเร็จกับการผันชีวิตจากวิศวกรโครงการ มาเป็นเจ้าของและผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์

ออริจิ้นฯ พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ Kensington เน้นลูกค้าระดับกลาง Notting Hill, Knightsbridge เน้นลูกค้าระดับกลาง-บน และ Park ซึ่งเน้นลูกค้าระดับบน

สำหรับพาร์ค ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ พีระพงศ์ ใช้ในการบุกเข้าสู่พื้นที่ใจกลางเมือง เช่น พาร์ค ออริจิ้น พญาไท คอนโดมิเนียมสุดหรู ที่นำระบบดิจิทัลและการบริการแบบโรงแรม 5 ดาว จากคอนติเนนตัล มาให้บริการกับผู้อยู่อาศัย และพาร์ค 24 ถนนสุขุมวิท จากเริ่มแรกโครงการของออริจิ้นฯ จะอยู่ชานเมืองเพราะเขาใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง

ความสำเร็จและการเติบใหญ่ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เขาตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อปี 2552 ตัดสินใจนำกิจการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเดือน พ.ย. 2558 จนถึงปัจจุบันนี้กว่า 3 ปีออริจิ้นฯ สามารถนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาขยายกิจการให้เติบโตและวางแผนเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ออริจิ้นฯ จากบริษัทที่มียอดขาย 5,356 ล้านบาท เมื่อปี 2558 ขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ในปี 2560 และ 9 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท และยังมีแผนชัดว่าปี 2563 มีสินค้าในมือที่พร้อมสร้างรายได้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท

“ผมคิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ออริจิ้นฯ เป็นที่รู้จักในวงที่กว้างขึ้นจากผู้พัฒนาคอนโดนิเนียมริมรถไฟฟ้าชานเมือง คือการตัดสินใจเทกโอเวอร์หรือซื้อกิจการของบริษัท พราวด์เรสซิเดนซ์ จากตระกูลลิปตพัลลภ 100% มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ดีลนี้ทำให้ออริจิ้นฯ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางขึ้น”

อีกประเด็นที่สำคัญและเป็นการติดปีกบินให้กับบริษัท คือ การดึงโนมูระพร็อพเพอร์ตี้ จากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมทุนในการพัฒนาโครงการ ซึ่งทั้งสองปัจจัยใหญ่ๆ นี้ หนุนให้ออริจิ้นฯ ผงาดขึ้นมา จากเป้าหมายแรกที่ผมตั้งไว้ว่าจะติด 1 ใน 5 บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ถึงตอนนี้ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 แล้ว

นอกจากนี้ การตัดสินใจซื้อโครงการของพราวด์ เรสซิเดนซ์ ถือเป็นทางลัดในการขยับขึ้นสู่ตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ลูกค้ากลุ่มนักลงทุนและชาวต่างชาติได้อย่างรวดเร็ว เพราะโครงการของพราวด์ เรสซิเดนซ์ ตั้งอยู่หลังศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม มีมูลค่าโครงการประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท มีลูกค้าทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดแล้ว 1 หมื่นล้านบาท จะมีการรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีนี้ แม้เริ่มแรกจะขาดทุนและมาถึงตอนนี้ผลดำเนินงานของบริษัทงวด 9 เดือนที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่วนหนึ่งมาจากโครงการนี้เพราะสามารถโอนและรับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง

ส่วนการดึงโนมูระฯ เข้ามานั้น เป้าหมายหลักๆ คือต้องการโนว์ฮาว จากทางกลุ่มโนมูระเพราะถือว่าเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมในญี่ปุ่นและเป็นบริษัทชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญและเก่งในเรื่องขายมาก เพราะโนมูระคือตระกูลพ่อค้าในญี่ปุ่นไม่ใช่โชกุนจึงมีความเก่งมาก ซึ่งได้เข้ามามีส่วนช่วยในการขายให้กับบริษัท

พีระพงศ์ บอกว่า ออริจิ้นฯ เดินมาถึงวันนี้ได้ และจะเติบโตต่อไปในอนาคตอย่างมั่นใจเพราะมีทีมงานและทีมบริหารที่ดี ทำงานกันเป็นทีมเวิร์ก

นอกจากนี้ เขามีภรรยาที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง มีพื้นฐานมาจากธุรกิจโรงแรมซึ่งได้นำหลักการด้านบริการมาใช้ร่วม อีกทั้งมีพนักงานที่พร้อมจะเติบโตไปกับกิจการ เพราะพนักงานของบริษัทมีอายุเฉลี่ย 28 ปี พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเข้าใจพฤติกรรมของผู้ซื้อในยุคสมัยนี้ โดยบริษัทเริ่มต้นจากผู้ก่อตั้งและพนักงาน 4 คน ผ่านมา 8 ปี มีพนักงาน 1,000 คน

สำคัญที่สุดทุกๆ โครงการของบริษัทจะให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียดการอยู่อาศัย เพื่อให้ห้องชุด และโครงการของออริจิ้นฯ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถ “ใช้ชีวิตในฝัน…แบบที่เป็นคุณ” สร้างความแตกต่างและเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์ (Uniqueness Project Design) ฟังก์ชั่นการใช้งานห้องชุดที่คุ้มค่า (Best Function of Unit Plan Design) และเป็นเลิศในด้านการบริการหลังการขาย (After Sale Service Excellent) เพราะผมเชื่อว่าในการตัดสินใจซื้อของลูกค้านั้นจะต้องมีคำตอบให้เขาได้ว่าทำไมต้องซื้อแพง ซื้อแพงแล้วได้อะไร และด้วยความคิดแบบนี้ทำให้ทุกโครงการที่เขาพัฒนามาได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้บริโภค

ชัดเจนในการเปิดพรีเซลโครงการพาร์ค ออริจิ้น พญาไท มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม ขนาด 550 ยูนิต มีขนาด 28 ตารางเมตร (ตร.ม.) และใหญ่ 55 ตร.ม. ราคา 2.5 แสนบาท/ตร.ม. มียอดพรีเซลเมื่อเดือน ก.ย.กว่า 80% โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหมอเพราะทำเลที่ตั้งในใจกลางศูนย์กลางทางการแพทย์ และกลุ่มผู้มีรายได้ต่างจังหวัดที่ซื้อให้บุตรที่มาเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งโครงการนี้จะนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การเปิดประตูห้องผ่านแอพพลิเคชั่น การติดตั้งจอวิเศษในห้องน้ำที่ลูกค้าสามารถดูทุกอย่างผ่านระบบนี้ได้ และยังมีส่วนของโรงแรมและอาคารสำนักงานด้วย ซึ่งเป็นโครงการกลางเมือง ระดับ 5 ดาว

นอกจากนี้ บริษัทยังมี พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะเป็นอีกหนึ่งโครงการหรูของบริษัท หลังได้ซื้อที่ดิน 13 ไร่ จากตัน ภาสกรนที ซึ่งโครงการนี้เปิดพรีเซลเมื่อเดือน ก.ย.มียอดเข้ามา 74% เพราะด้วยคอนเซ็ปต์จับลูกค้าไฮเอนด์ จึงทำให้บริษัทไม่ได้กังวล และยังคงเดินหน้าเปิดโครงการต่อเนื่อง เพราะบริษัทจะต้องทำธุรกิจแบบสายพานการผลิต เพื่อที่จะให้มีสินค้าออกมาตลอดเพื่อสร้างการเติบโตให้กิจการอย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้การออกมาคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พีระพงศ์ ยอมรับว่า กระทบบ้างแต่ไม่มากเพราะลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่ซื้อเงินสด ซึ่งจะกระทบแบรนด์ระดับกลาง คือ Notting Hill ซึ่งเมื่อจบแล้วก็จะไม่ขยายต่อ ส่วนการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงที่ดินและมีที่ดินออกมาขายเพื่อนำไปพัฒนาโครงการได้ในอนาคต

“ออริจิ้นฯ มีขนาดใหญ่ขึ้นมาในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผมเดินสายในการเข้าร่วมงานสัมมนาเพื่อหาความรู้ และทุกครั้งก็จะได้ยินคำว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เล็กๆ จะอยู่ไม่ได้ คนที่จะอยู่และแข่งขันได้จะต้องเป็นรายใหญ่ และนี่คือเหตุผลทั้งหมดของผม ทำไมออริจิ้นฯ ต้องใหญ่และจะใหญ่แบบแข็งแกร่ง”

นี่คือคำมั่นของ “พีระพงศ์ จรูญเอก” ที่วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาได้ก้าวมายืนอยู่แถวหน้าดีเวลอปเปอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68