posttoday

กรุงโซล...ที่ซึ่งฉันกับเธอ เชื่อมโยงและอยู่ร่วมกัน (City Renewal 7)

09 ธันวาคม 2561

“คนเรามักทำอะไรตามความเคยชินเดิมๆ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้”

“คนเรามักทำอะไรตามความเคยชินเดิมๆ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้” ...ดังเช่น ปีที่แล้ว ต้องไปทำงานที่ Korea Press Foundation ในกรุงโซลนานหนึ่งเดือน เวลาไปอยู่ที่เกาหลีส่วนใหญ่จะเดินมากกว่าขึ้นรถค่ะ ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ ด้วยแล้ว เดินแก้หนาวทำความอุ่นกันสบายเลยค่ะ แดดไม่ร้อน เหงื่อไม่ย้อย หน้าไม่ละลาย ถนนควันพิษก็น้อย และทางเดินเท้ากว้างมาก ในระยะ 2-3 กิโลเมตรนี่ คนเกาหลีส่วนใหญ่จะเดินกันทำให้ขาแข็งแรงบึกบึน ช่วงที่อยู่เกาหลีจึงเดินวันละไม่ต่ำกว่า 10 กิโลเมตรเลย (นับระยะทางเดินช็อปปิ้งด้วย...)

เส้นทางปกติ คือ เดินจากที่พักใน “ซอโกกดง” มาถึงจัตุรัส City Hall แล้วเลี้ยวซ้ายหน้าพระราชวังด๊อกซูกุง เดินต่อจนไปข้ามถนนที่หน้าตึก Korea Press Center ...แต่แล้ววันหนึ่งกำหนดการเกิดเปลี่ยนกะทันหัน ทำให้ช่วงเช้ามีเวลาเหลือ จึงได้เปลี่ยนเส้นทางโดยข้ามถนนที่หน้าจัตุรัสซิตี้ฮอลล์ ไปฝั่งตรงข้ามโรงแรมโซลพลาซ่า เพื่อมาเดินเล่นในจัตุรัสหน้าศาลาว่าการกรุงโซล...วันนั้น การเดินอ้อมเพียงแค่ 500 เมตร กลับทำให้พบเพื่อนใหม่ และเห็นสิ่งใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

สหภาพแรงงานนัดประชุมทั่วประเทศกลางแจ้ง กลางจัตุรัสนั้นเลย ชาวสหภาพมารวมกันจำนวนมหาศาล มีนักตีกลองโบราณมาประโคมช่วยสร้างเสียงระทึกใจมาก ยังมีนักประท้วงที่มา “นั่งเรียงแถวตอน” จับเจ่าไม่ยอมถอยอยู่หน้าศาลาว่าการกรุงโซล ที่แปลกยิ่งขึ้น คือ มีกลุ่มผู้ต่อต้านความรุนแรงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องไร้แผ่นดินมาร่วมด้วย งานนี้นำโดยสองสาวเกาหลีไม่มีชาวปาเลสไตน์สักคน เธอมาจัดบูธขายของ เช่น หนังสือ ผ้าโพกผม แบดจ์ติดเสื้อ ทั้งหมดเป็นสัญลักษณ์ปาเลสไตน์ เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์...

สัญชาตญาณนักเขียนเกิดฉับพลัน ทำให้ต้องสัมภาษณ์สองสาวว่า เกาหลีอยู่ตั้งไกลจากปาเลสไตน์ มีเหตุผลอันใดจึงได้มาตั้งกลุ่มเชิญชวนชาวเกาหลี และสหภาพแรงงานให้ไปช่วยชาวปาเลสไตน์ ... เธอบอกว่า ต้องการสันติภาพบนโลก และหวังว่าสักวันจะต้องบินไปช่วยถึงปาเลสไตน์ให้ได้ เราก็เลยอุดหนุนสินค้าไปด้วยความชื่นชมในความมุ่งมั่นศรัทธาของมนุษยชาติ... วันนั้น ได้รู้สึกว่า สิทธิเสรีภาพของชาวเกาหลีในสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อ 30 ปีก่อนที่ปกครองโดยรัฐบาลทหาร ประชาธิปไตยของเกาหลีเบ่งบานเต็มที่ แต่พิเศษยิ่ง เพราะยังคงมีวินัยกำกับอยู่ คือ เป็นประชาธิปไตยที่มีขอบเขตของแต่ละฝ่าย และต่างฝ่ายก็รู้ว่าตนมีเขตแดนที่จะสามารถทำตามที่ตนต้องการได้กว้างไกลเท่าไร...

กรุงโซล...ที่ซึ่งฉันกับเธอ เชื่อมโยงและอยู่ร่วมกัน (City Renewal 7)

เมื่อเดินมาจนถึงหน้าประตูโดมแก้วของอาคารศาลาว่าการกรุงโซลที่เชื่อมต่อกับอาคารเก่าหลังเดิม มองเข้าไปภายในโดมกระจกเห็นต้นไม้เขียวครึ้มที่สูงเท่าอาคาร 4-5 ชั้น แล้วก็ทึ่งในความพยายามของมนุษย์ที่จะเอาชนะธรรมชาติค่ะ เป็นต้นพลูด่างน่าจะหลายหมื่นต้นปลูกแนวตั้งในอาคารสูงกว่า 10 เมตร หากอยู่นอกอาคารในอากาศหนาวติดลบ (วันนี้โซลติดลบ 10 องศา) คงตายราบคาบไปแล้ว เวลานั้นคิดว่า สักวันจะต้องเข้าไปดู...หนึ่งปีต่อมาก็ได้เข้าไปดูแบบเชิงลึกจริงๆ จนได้ (ติดตามเรื่องตึกโบราณของกรุงโซลตอนหน้า) ... ใกล้ถึงเวลานัด จึงเดินทะลุหลีกหนีคนออกมาตามทางเดินระหว่างตึก แล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นป้ายเล็กๆ ติดอยู่ที่บนกระจกหน้าต่างของตึกหลังหนึ่งของศาลาว่าการกรุงโซล เขียนว่า I·SEOUL·YOU...

ที่จริงโลโก้นี้คงติดอยู่ทั่วๆ ไปมาก่อนนานแล้วแต่กลับเพิ่งสังเกตเห็น...เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ตนเองสะดุดตากับคำนี้ ...เอาล่ะ ด้วยความที่เป็นคนชอบถอดส่วนประกอบของสิ่งต่างๆ รวมถึงภาษาและคำ ก็เลยหยุดยืนจ้องดูอยู่นาน เพราะว่า มันดูเหมือนเป็นประโยคบอกเล่า แต่แปลไม่ออกว่าอะไร ในเมื่อ คำว่า “Seoul-กรุงโซล” อยู่แทนที่คำกิริยา...รึว่า กำลังพยายามบอกว่า “คำว่า Seoul อาจมีความหมายโดยนัยอย่างใดอย่างหนึ่งอีกรึ”... เชกาเชื่อว่า ภาษาเป็นสมการคณิตศาสตร์ที่สามารถนำมาใช้หาคำตอบได้เช่นเดียวกับตัวเลข เพราะภาษามีหลักการใช้ หรือ Logic ของมันเอง ดังนั้น คนที่เก่งเลขน่าจะเก่งภาษาได้ด้วย ตามทฤษฎี Multiple Intelligence ว่าด้วยมนุษย์มีพหุปัญญา มิควรแบ่งแยกเด็กเก่งเฉพาะสายวิทย์ หรือเฉพาะสายศิลป์ ... แต่เมื่อเจอ I·SEOUL·YOU ก็อึ้งไปชั่วขณะ โดยเฉพาะเมื่อสังเกตดูให้ดีจะเห็นจุดกลมๆ สีแดงและสีฟ้าอยู่ระหว่างคำทั้งสาม !

มาปีนี้กรุงโซลเชิญไปดูงาน จึงได้เข้าใจความหมายของ I·SEOUL·YOU เสียที...คำนี้ เป็นเครื่องมือหนึ่งใน “การ Rebranding กรุงโซล” ที่สำคัญเลยทีเดียวค่ะ มาดูว่าเขาใส่ความสำคัญลงใน “Brand ใหม่ของกรุงโซล” อย่างไรบ้าง

I·SEOUL·YOU มีความหมาย 3 ประการ ได้แก่ 1) กรุงโซล เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้คนทั้งหลายและทั่วโลก และสรรพสิ่งที่แม้จะแตกต่างกัน แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ เช่น มีคนต่างชาติอยู่อาศัยราว 2.67 แสนคน มีคนหลายรุ่นหลายวัย มีภูเขาและแม่น้ำ โบราณสถานกับตึกระฟ้า ซึ่งอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน… 2) กรุงโซล คือ สถานที่ที่เติมเต็มของ Passion (ความลุ่มหลงในเชิงทะยานอยากให้เกิดความสำเร็จ แทนด้วย จุดสีแดง) กับ Relaxation (ความผ่อนคลายสบายอุรา แทนด้วย จุดสีฟ้า) ของผู้อยู่อาศัย และ 3) ตัว O ภาษาอังกฤษ ในคำว่า SEOUL นั้นที่จริงเป็น ตัวพยัญชนะ “อีอึง-ᇰ” ของเกาหลีด้วย “โอและอีอึง” ถูกนำมารวมกันไว้ที่กรุงโซล คือ กรุงโซลอยู่อย่างกลมกลืนกับคนทั้งโลก...ช่างล้ำลึกนัก

(อ่านต่อฉบับหน้า)

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด พิธีปิดซีเกมส์ 2025 สุดยิ่งใหญ่ ส่งไม้ต่อ มาเลเซีย 2027