เลิศ ถาวรว่องวงศ์ พลิกวิกฤตสู่ความสำเร็จ
“ถาวรว่องวงศ์” หนึ่งในตระกูลคหบดีเก่าแก่ในภูเก็ตที่เริ่มบุกเบิกการทำธุรกิจในดินแดนแห่งโอกาสนี้มานาน
โดย ภูวดล โกมลรัตนเสถียร
“ถาวรว่องวงศ์” หนึ่งในตระกูลคหบดีเก่าแก่ในภูเก็ตที่เริ่มบุกเบิกการทำธุรกิจในดินแดนแห่งโอกาสนี้มานาน มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นนายเหมือง นายหัวสวนยาง ก่อนพัฒนาเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรม ซึ่งโรงแรมในเครือถาวร ถือเป็นโรงแรมแห่งแรกที่ให้บริการระดับห้าดาวของภูเก็ตมากว่า 40 ปี และปัจจุบันถูกส่งไม้ต่อให้กับ เลิศ ถาวรว่องวงศ์ ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูล ที่รับหน้าที่พิสูจน์ฝีมือของคนรุ่นใหม่
เลิศ เริ่มต้นเล่าว่า ชีวิตของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป โอกาสการเรียนรู้ที่สำคัญของเขา มาจากการที่โรงแรมในเครือถาวรถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ และหนึ่งในตระกูลที่ล้มจากการประสบปัญหาธุรกิจอย่างหนักเมื่อครั้งวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 และไม่ได้มีโอกาสกลับมาผงาดฟื้นตัว และเกิดภาวะวิกฤตบานปลายกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ เช่น โรงภาพยนตร์ โชว์รูมรถ รวมถึงสถานบันเทิง ทำให้บริษัทมีหนี้เสียสูงมากกว่า 3,000 ล้านบาท มีสภาพคล่องเงินสดที่ย่ำแย่ ทรัพย์สินโรงแรมอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมจากการไม่มีงบประมาณในการปรับปรุง
ด้วยเหตุนี้ทำให้เลิศจึงได้ติดตามการทำงานของคุณพ่อเจริญ ถาวรว่องวงศ์ ผู้บริหารรุ่นที่ 3 และคุณแม่อัจฉรา ถาวรว่องวงศ์ ตั้งแต่อายุราว 6 ขวบ ซึ่งทั้งสองคนมักจะพาลูกทุกคนติดตามไประหว่างทำงานเสมอ ทั้งการเข้าประชุม การเจรจาธุรกิจ ตลอดจนการเจรจาประนอมหนี้กับธนาคาร ทำให้เลิศต้องเดินเข้าออกศาลและนั่งฟังการเจรจาประนอมหนี้อยู่เป็นประจำ
และนี่คือแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ทำให้เกิดความผูกพันในธุรกิจโรงแรม และตั้งปณิธานจะไม่ให้ธุรกิจโรงแรมในการบริหารงานของเขาต้องกลับไปนั่งเจรจาประนอมหนี้เช่นสมัยก่อน
จากการเติบโตอย่างใกล้ชิดกับธุรกิจโรงแรม ทำให้เขาตัดสินใจเลือกเรียนปริญญาตรีด้านสาขาบริหารการโรงแรม คณะ School of Hotel Administration มหาวิทยาลัย Cornell University ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 15 ของโลก เป็นอันดับที่ 1 ของโลกในสาขาบริหารการโรงแรม และเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยระดับ Ivy League ของสหรัฐอเมริกา
ก่อนที่จะกลับมาสานธุรกิจต่อจากรุ่นที่ 3 เลิศเล่าว่า ได้ต่อสายตรงจากสหรัฐคุยกับคุณพ่อ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน โดยขอเพียง 1 อย่าง คือ ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้หมด เพราะถ้าไม่เปลี่ยนแปลง ท่านก็อาจเป็นรุ่นสุดท้ายในการทำธุรกิจนี้ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยาก เพราะคนรุ่นก่อนมักต้องการเก็บรักษาทรัพย์สินของตนไว้จนวินาทีสุดท้าย เพราะคิดว่ามูลค่าทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้น แต่ความเป็นจริงในขณะนั้น ดอกเบี้ยต่างหากที่เพิ่มขึ้น ทำให้ท้ายที่สุดท่านก็ยอม ทำให้การสานต่อธุรกิจในวันแรก เลิศก็เริ่มตัดหนี้เสียและธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทิ้ง เช่น โรงแรม พื้นที่ในเมืองภูเก็ต เพื่อรักษาธุรกิจดีที่สร้างรายได้
เลิศ เล่าต่อว่า ครั้งพอสวมหัวโขนทายาทธุรกิจโรงแรมในเครือถาวรรุ่นที่ 4 ในเวลานั้นเป็นช่วงที่บริษัทอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ที่สุด ทุกด้านมีปัญหา ขณะนั้นมีพนักงานในเครือทั้งหมดร่วม 600 คน มีอัตราการเข้าพักเพียง 9% และมีสภาพเงินสดสำรองไม่ถึง 5 ล้านบาท ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงานล่าช้าไป 1 เดือนเต็ม ซึ่งทุกวันถือเป็นวันที่ลุ้นระทึกทำให้หัวใจเต้นแรงตลอดเวลา เพราะแค่รายจ่ายซื้ออุปกรณ์เข้าโรงแรมไม่กี่วัน เงินสำรองก็ใกล้หมดเต็มที
ทุกๆ หน้าที่ประดังเข้ามาให้เลิศต้องเดินหน้าสานต่อและรับผิดชอบทุกสิ่ง ตั้งแต่เดินตลาดหาลูกค้า คุยกับเอเยนซี่ ลดราคา ขายห้องพักในราคาที่ถูกเพื่อขอให้มีกระแสเงินสดเข้ามาหมุนเวียน รวมถึงปฏิวัติระบบบัญชีใหม่ โดยเฉพาะบัญชีกำไรขาดทุน และกระแสเงินสด เจรจาราคาในการซื้อสินค้าทุกชิ้นกับซัพพลายเออร์ รวมถึงการทำการตลาดออนไลน์ การถ่ายรูปโรงแรมเพื่อลงสื่อเอง ทำให้ในปีแรกจากการลงมือปฏิวัติในทุกๆ ด้าน เขาสามารถชำระหนี้ได้กว่า 1,800 ล้านบาท
“ปีแรกของการทำงานผมต้องอาศัยมวยวัด ด้วยการไม่มีเงินสด เราทำงานทุกอย่างไม่มีวันหยุด แทบไม่ได้กลับบ้าน บางทีใส่เสื้อตัวเดิมติดต่อกันเกือบอาทิตย์ เพราะผมเชื่อเสมอว่าหากทำอะไรต้องทำอย่าง 100%”
เมื่อมีการบริหารจัดการที่ดี ลูกค้าเริ่มกลับเข้ามา ทำให้กระแสเงินสดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงนำเงินก้อนนั้นค่อยๆ รีโนเวตห้องพักทีละส่วนที่จะสามารถขายได้ก่อน พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้ธนาคาร พัฒนาจากการเป็นลูกหนี้กิจการรีสอร์ทที่มีระดับความเสี่ยงต้นๆ กลายเป็นลูกหนี้ชั้นดีระดับต้นๆ ของธนาคาร ก่อนที่ปี 2559 โรงแรมเครือถาวรสามารถกลับมาทำกำไรครั้งแรกในรอบ 20 ปี และสามารถสร้างสภาพคล่องที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เริ่มกิจการโรงแรมมา พร้อมมีอัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยเต็ม 91%
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการประสบความสำเร็จคือ การมองงบกระแสเงินสด เลิศจะใช้เวลานั่งอ่านรายละเอียดของงบการเงินทุกรายการโดยใช้เวลา 2 วันเต็มๆ ของทุกเดือน เนื่องจากมองว่ากระแสเงินสดถือเป็นหัวใจของการบริหารทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการบริการ การปรับปรุงโรงแรม การหาและเก็บพนักงานดีๆ การทำการตลาด ดังนั้นหากทำธุรกิจได้รุ่งและเติบโต จึงควรสร้างกระเป๋าเงินที่ลึกและหนา โดยปัจจุบันโรงแรมในเครือถาวรมีเงินสดกว่า 200 ล้านบาท
ทุกวันนี้แรงบันดาลใจของการทำธุรกิจที่ดีคือ อย่าหยุดศึกษา ตั้งแต่มาทำธุรกิจเขาได้ศึกษาหลายสิ่งด้วยตนเองและถ่ายทอดให้กับลูกน้อง สิ่งสำคัญที่สุดคือการปลูกฝังนิสัยอยากรู้อยากเห็นให้กับตัวเอง ลูกน้อง และคนรอบข้าง ทำกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นเรื่องที่ตื่นเต้น สนุก ดังนั้นอย่ากลัวที่จะรู้มากไป
ปัจจุบันโรงแรมถาวร บีช วิลเลจ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต และโรงแรมถาวร ปาล์ม บีช รีสอร์ท ถูกพลิกฟื้นให้กลับมามีสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ด้วยผู้บริหารหนุ่มในวัยเพียง 28 ปี และยังมีวิชั่นระยะยาวที่จะปั้นโรงแรมถาวรแห่งแรกให้กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของภูเก็ตสิ่งสำคัญที่เลิศอยากฝากไว้เป็นแนวทางคือ ความขยัน ตั้งใจ และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แม้สถานการณ์จะแย่เพียงใด พร้อมมองโลกในแง่บวกเพื่อรับมือกับทุกสถานการณ์ของชีวิต


