ธนากร ธนวริทธิ์ ดาวดวงใหม่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
วันนี้ ชื่อของ ธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO)
โดย วารุณี อินวันนา
วันนี้ ชื่อของ ธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ติดหนึ่งใน “ดาวดวงใหม่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย” ที่ทางโครงการปริญญาโท สาขาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (MRE) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยอมรับ
รวมถึง ได้รับรางวัล RISING STAR OF THE YEAR AWARD จากงาน Thailand Top Company Awards 2018 จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
จากนักพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในซอย ขนาดตั้งแต่ 8 ชั้นลงมา มูลค่า 100 ล้านบาท และเคยขาดทุนร่วม 40 ล้านบาทเมื่อ 5 ปีก่อน ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีโครงการที่เตรียมขึ้นในอนาคตมูลค่ารวม 15,350 ล้านบาท มีรายได้ระดับกว่า 1,000 ล้านบาทในปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกยักษ์ใหญ่ของวงการอสังหาฯ จากญี่ปุ่นถึง 2 รายเข้าร่วมทุนด้วย จัดว่าเป็น “ดาวดวงใหม่” ที่น่าจับตามอง
ธนากร เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเข้าสู่วงการพัฒนาอสังหาฯ ไทย ว่า เพราะอยากเป็น “เถ้าแก่”มาตั้งแต่เด็ก จึงขยันศึกษาเรียนรู้ในทุกช่องทาง อ่านหนังสือหนัก โดยเฉพาะประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จทั้งในและต่างประเทศ เรียกว่าเจ้าสัวในประเทศไทยเกือบทุกคนได้อ่านมาหมดแล้ว เพื่อหาวิธีว่าจะไปเป็น “เถ้าแก่”
ทันทีที่มีเงินมากพอก็เริ่มที่จะซื้อบ้านหลังแรกเป็นของตัวเอง เลือกราคาเท่าที่มีงบประมาณพอจ่ายได้ พอมีเงินทุนมากขึ้น ประกอบกับการอ่านหนังสือที่หลากหลาย ทำให้เห็นโอกาสจากการลงทุนในอสังหาฯ จึงเริ่มซื้อบ้านให้ชาวยุโรปเช่า ซื้อคอนโดให้ชาวญี่ปุ่นเช่า ในช่วงเวลานี้ก็ใช้เวลาในการศึกษาธุรกิจอสังหาฯ อยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนในตำแหน่งผู้บริหารธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่รายหนึ่ง
ส่วนชื่อบริษัทที่ตั้งว่า “ออลล์ อินสไปร์” คือ ทำหมดใจ มีแรงบันดาลใจมาก จากการที่เคยอยู่ห้องเช่า เคยเช่าคอนโด เคยอยู่ทาวน์เฮาส์ รู้ว่าปัญหาคืออะไร จึงตั้งใจทำห้องที่คนซื้อซึ่งมีเงินไม่มาก เข้าถึงได้ รู้สึกว่าคุ้มค่า ในทำเลที่ถูกใจ คือจ่ายเงิน 100 บาท แต่รู้สึกว่าได้ของที่มีมูลค่า 150 บาทกลับไป
การเคยเป็นผู้บริหารที่อยู่ในองค์กรซึ่งมีมูลค่าธุรกิจหมื่นล้านบาท แสนล้านบาทมาก่อน ทำให้มีความรู้ด้านการบริหารระดับหนึ่ง และทำให้เห็นว่าหลายโครงการเขาจะทำอยู่ใกล้ถนนใหญ่ แต่ในซอยยังไม่มี เพราะช่วงที่ทำงานในวงการค้าปลีกทำให้เรารู้จักพื้นที่ในกรุงเทพฯ ค่อนข้างดี
โครงการแรกเริ่มจากซอยลาซาล มูลค่า 100 ล้านบาท ราคา 1.5-2 ล้านบาท อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า และฟังก์ชั่นของคอนโดก็ถูกใจตลาด คุณภาพถือว่าดี มีการทำพรีเซล 1 เดือนก็ขายหมดทั้งโครงการ ทำให้ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคาร จากนั้นขยับมาที่ซอยอุดมสุข พระราม 9 สุขุมวิท 71 และรัชดา
ธนากร เล่าว่า การเป็นหน้าใหม่จะไปแข่งกับเจ้าใหญ่ จะทำให้เราโตไม่ได้ เราจึงมองในจุดที่ชุมชนหนาแน่นที่เจ้าใหญ่ไม่ได้เข้ามา จนกว่าจะสร้างแบรนด์เราแข็งแกร่งแล้ว จึงค่อยขยับไปพื้นที่อื่น แต่การขายต้องเร็ว 12 เดือนต้องได้เงินเลย จะทำให้ลดความเสี่ยงได้ และยังมีผลต่อเครดิตในการกู้เงินจากธนาคารด้วย ถ้าคืนเงินเร็ว ธนาคารก็จะเพิ่มวงเงินกู้ให้เราเรื่อยๆ ทำให้สามารถขยายกิจการได้เร็ว
นอกจากนี้ ยังมีโครงการหรูที่ภูเก็ต เป็นวิลล่า ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท และตึกสูงอันแรกอยู่ที่ถนนอินทามาระ 45 ชั้น
ขณะเดียวกัน ก็หาทางปิดความเสี่ยงจากการขายไม่หมด ด้วยการทำตลาดชาวต่างชาติหรือตลาดอินเตอร์ เพื่อให้ได้เงินเข้ามาสนับสนุนโครงการ สัดส่วน 40% เพราะหนึ่ง ตลาดอินเตอร์กำหนดเงินดาวน์ 30% และสอง ลูกค้าซื้อเงินสด ทำให้ในแต่ละโครงการจะมีเงินจ่ายคืนเงินกู้ธนาคารสัดส่วน 50% ของมูลค่าโครงการ
ในการทำตลาดลูกค้าชาวต่างชาติ มีการตั้งบริษัทลูกชื่อว่า “ไทย ดี เรียลเอสเตท” ที่เป็นตัวแทนและนายหน้าขายอสังหาฯ หากช่วงไหนที่บริษัท ออลล์อินสไปร์ ไม่มีโครงการขาย บริษัทลูกก็สามารถขายให้โครงการอื่นๆ ได้ ซึ่งยอดขายเริ่มเข้ามา โดยปี 2560 ทำยอดขายได้ 2,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มียอดขาย 12 ล้านบาท
รวมถึงบริษัท ไรส์ เอสเตท บริษัทลูกที่เปิดขึ้นมาเพื่อซื้อสินทรัพย์ของผู้ประกอบการที่สร้างเสร็จแล้ว ที่มีปัญหาสภาพคล่อง และต้องการระบายสต๊อกที่เหลือ
การที่ตั้งบริษัทลูกรายนี้ขึ้นมา ก็มีแรงบันดาลใจมาจากการที่อยากช่วยผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยที่เริ่มมีมากขึ้น ไม่ได้มีพนักงานประจำ ไม่มีพนักงานการตลาด อย่างไรก็ขายไม่หมด ก็จะเข้าไปช่วยระบายสต๊อก โดยจะเข้าไปซื้อครั้งละ 30-50 ห้อง แล้วก็นำห้องมาตกแต่ง ทำการขาย และแมตชิ่ง ซึ่งก่อนซื้อจะทำการสำรวจความต้องการของตลาดก่อน ทำให้แต่ละโครงการสามารถขายได้หมดภายในวันเดียวเพราะเป็นห้องใหม่
“การที่เรามีทีมขายทั้งในและต่างประเทศ จะสามารถช่วยผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยได้ เราไม่ได้มุ่งหวังกำไรสูงสุด แต่มองว่าอยากช่วยเหลือกัน และยังเป็นการช่วยเศรษฐกิจไทยด้วย อีกอย่างเราไม่สามารถไปทำโครงการในทุกพื้นที่ได้ บริษัทย่อยนี้จะทำให้เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้” ธนากร เล่า
ธนากร ยังมีความฝันที่จะทำให้บริษัท ออลล์อินสไปร์ เป็นทางเลือกลำดับแรกในวงการอสังหาฯ ไทยที่คนอยากเข้ามาทำงานด้วยในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยได้ทำการขยายพื้นที่สำนักงานเป็น 4,000 ตารางเมตร เพื่อให้พนักงาน 220 คนได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ ทั้งห้องนอน ห้องสนุกเกอร์ ห้องโทรศัพท์ และเลี้ยงอาหารเช้าพนักงานทุกวัน
เนื่องจากเคยเป็นเด็กล้างจานในโรงแรมมาก่อน จริงๆ ต้องเข้างานบ่าย 3 โมงเย็น แต่ผมจะไปเข้างาน 11 โมงเช้า เพราะอยากกินข้าวฟรี ก็นำปัญหาที่เคยเจอมาดูแลพนักงาน ใครที่มาก่อน 09.30 น.จะได้กินข้าวฟรี กาแฟฟรี น้ำเต้าหู้ ทำให้เขามาเร็ว และข้าวเช้าก็ดีกับสมอง มีเวลาได้คุยกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็ส่งต่องานกันได้ดี
“การทำอสังหาริมทรัพย์ มีเสน่ห์มาก แต่ก็มีความยาก วันนี้ วันวันหนึ่งผมทำงานหนักมาก หนักกว่าตอนที่ผมเป็นพนักงานล้างจาน ผู้ประกอบการหลายๆ คนพยายามสู้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะไปถึงเป้าหมาย ผมเดินมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากพอสมควร ก็อยากช่วยแก้ปัญหาคนที่เคยมีปัญหาเหมือนเรา ซึ่งในกรุงเทพฯ ยังมีคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองอยู่อีกจำนวนมาก” ธนากร สรุป


