ฝนดาวตกนายพราน
ช่วงวันที่ 2 ต.ค.-7 พ.ย.ของทุกปี เป็นช่วงที่มีฝนดาวตกกลุ่มหนึ่งเกิดขึ้น
โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด
ช่วงวันที่ 2 ต.ค.-7 พ.ย.ของทุกปี เป็นช่วงที่มีฝนดาวตกกลุ่มหนึ่งเกิดขึ้น จุดกระจายของฝนดาวตกกลุ่มนี้อยู่บริเวณกลุ่มดาวนายพราน หรือที่เราเรียกกันว่า ดาวเต่า วันที่มีดาวตกชุกที่สุดมักอยู่ในคืนวันที่ 20 หรือ 21 ต.ค. ด้วยอัตราสูงสุดประมาณ 20 ดวง/ชั่วโมง หากเราเห็นดาวตกจากฝนดาวตกนายพราน เรากำลังมองเห็นชิ้นส่วนของดาวหางที่คนรู้จักกันมากที่สุด นั่นคือ ดาวหางแฮลลีย์หรือที่คนไทยเรียกว่า ดาวหางฮัลเลย์ นั่นเอง
ดาวตกเป็นปรากฏการณ์ที่เราเห็นแสงสว่างวาบในระยะเวลาสั้นๆ บนท้องฟ้า เกิดจากสะเก็ดดาวที่อยู่ในอวกาศเคลื่อนที่เข้ามาในบรรยากาศโลก หรืออีกนัยหนึ่ง คือ โลกเคลื่อนที่เข้าไปหาสะเก็ดดาว ส่วนใหญ่ต้นกำเนิดของสะเก็ดดาวเหล่านี้ คือ ดาวหางซึ่งมีส่วนหนึ่งของวงโคจรผ่านใกล้วงโคจรของโลก เมื่อดาวหางเคลื่อนเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ สะเก็ดดาวจำนวนมากจะหลุดออกจากดาวหางและยังคงเคลื่อนที่อยู่ในอวกาศตามแนววงโคจรใกล้เคียงกับดาวหางต้นกำเนิด
ในระบบสุริยะมีดาวหางหลายดวง ดาวหางที่เกี่ยวข้องกับฝนดาวตกเป็นดาวหางคาบสั้น โคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์อยู่เป็นประจำ มีทั้งคาบที่สั้นเพียง 3.3 ปี อย่างดาวหางเองเคอ (2P/Encke) เป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกวัว ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือน ก.ย.-ธ.ค. และดาวหางที่มีคาบยาวนานถึงกว่า 130 ปี อย่างดาวหางสวิฟต์-ทัตเทิล (109P/Swift-Tuttle) เป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกเพอร์ซิอัส ซึ่งเกิดขึ้นในเดือน ก.ค.-ส.ค.
ในรอบปีมีฝนดาวตกอยู่หลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีช่วงวันที่ตกแตกต่างกัน อัตราการตกก็ไม่คงที่และไม่เท่ากัน ฝนดาวตกจึงกล่าวได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี คนทั่วไปจะรู้จักเฉพาะฝนดาวตกที่มีอัตราสูง อย่างฝนดาวตกเพอร์ซิอัสและฝนดาวคนคู่ซึ่งมีอัตราสูงเกิน 100 ดวง/ชั่วโมง เพราะในคืนหนึ่งๆ มีโอกาสเห็นดาวตกได้บ่อยกว่าฝนดาวตกที่มีอัตราต่ำ ดาวตกที่เกิดจากฝนดาวตกจะมีทิศทางการเคลื่อนที่ซึ่งสามารถย้อนไปหาจุดหนึ่งบนท้องฟ้า เราเรียกจุดนั้นว่า จุดกระจาย และฝนดาวตกก็มักมีชื่อเรียกตามดาวหรือกลุ่มดาวที่จุดกระจายอยู่
ดาวหางแฮลลีย์เป็นดาวหางที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับการกล่าวถึงและบันทึกไว้หลายครั้งในประวัติศาสตร์ย้อนไปเป็นพันปี เข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.พ. 2529 มีคาบเฉลี่ยยาวนานประมาณ 75-76 ปี ในช่วงชีวิตของแต่ละคนจึงมีโอกาสเห็นดาวหางดวงนี้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง การมาของดาวหางแต่ละครั้งก็แตกต่างกัน ไม่ได้สว่างให้เห็นได้ชัดเจนทุกครั้ง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของโลกและดาวหางในขณะนั้นมลพิษทางแสงจากการใช้ไฟฟ้าปริมาณสูงในยุคใหม่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ซึ่งอยู่ในเมืองมีโอกาสเห็นดาวหางด้วยตาเปล่าได้ยากขึ้นกว่าในอดีต
ช่วงนี้ของปี โลกกำลังเคลื่อนที่อยู่บริเวณซึ่งมีสะเก็ดดาวของดาวหางแฮลลีย์อยู่หนาแน่น ก่อให้เกิดฝนดาวตกที่มีชื่อว่า ฝนดาวตกนายพราน โดยทั่วไปอัตราการมองเห็นดาวตกจากฝนดาวตกนายพรานจะอยู่ในระดับปานกลาง ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไป รายงานในช่วงปี 2527-2544 พบว่าอัตราตกที่จุดสูงสุดของฝนดาวตกนายพรานอยู่ในช่วง 14-31 ดวง/ชั่วโมง พบด้วยว่ามีการแปรผันของอัตราสูงสุดด้วยคาบประมาณ 12 ปี ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วงรบกวนจากดาวพฤหัสบดี นักดาราศาสตร์คาดว่าอัตราตกของฝนดาวนายพรานกำลังเพิ่มขึ้น ปีนี้อาจอยู่ระหว่าง 20-25 ดวง/ชั่วโมง
การสังเกตฝนดาวตกได้ดีที่สุด คือ การสังเกตจากสถานที่ซึ่งมีแสงไฟรบกวนน้อยที่สุด ปีนี้คาดว่ามีอัตราสูงสุดในคืนวันอาทิตย์ที่ 21 ต.ค. 2561 จุดกระจายของฝนดาวนายพรานอยู่ทางทิศเหนือของกลุ่มดาวนายพราน ค่อนไปทางกลุ่มดาวคนคู่ จุดนี้จะขึ้นเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกตั้งแต่เวลาประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง ดาวตกที่มาจากฝนดาวตกนายพรานจึงเริ่มเกิดในช่วงนี้ แต่การสังเกตในช่วงเวลาดังกล่าวยังทำได้ยากเพราะดวงจันทร์สว่างเกือบเต็มดวงอยู่บนท้องฟ้า กว่าดวงจันทร์จะตกก็ราวตี 4 ของเช้ามืดวันจันทร์ที่ 22 ต.ค. ดังนั้นการสังเกตที่ดีที่สุด คือ รอให้ดวงจันทร์ตกไปก่อน ซึ่งเวลานั้นจุดกระจายของฝนดาวตกก็อยู่ที่ตำแหน่งเหนือศีรษะพอดี การสังเกตให้มองห่างจากจุดกระจาย จะมีโอกาสเห็นดาวตกเคลื่อนที่เป็นทางยาว อาจต้องใช้ความอดทนสูงพอสมควร เพราะเราไม่รู้ว่าดาวตกจะปรากฏในเวลาใด และเลือกท้องฟ้าบริเวณซึ่งมืดที่สุดและไม่มีเมฆบัง
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (14-21 ต.ค.)
หากใกล้ขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกไม่มีภูมิประเทศ สิ่งปลูกสร้าง หรือเมฆหมอกมาบดบัง หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วไม่นาน ท่ามกลางแสงสนธยา ต้นสัปดาห์นี้เรายังมีโอกาสเห็นดาวศุกร์อยู่เหนือขอบฟ้าในทิศทางของกลุ่มดาวหญิงสาว ค่อนไปทางกลุ่มดาวคันชั่ง และเป็นช่วงสุดท้ายที่มีโอกาสเห็นดาวศุกร์ได้ หลังจากนั้นดาวศุกร์จะเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นในมุมมองจากโลก ทำให้ดาวศุกร์ตกลับขอบฟ้าหลังดวงอาทิตย์ไม่นานและสังเกตได้ยาก
ขณะที่ดาวศุกร์ทำมุมเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้น ดาวพุธกลับตรงกันข้าม คือ กำลังทำมุมห่างจากดวงอาทิตย์มากขึ้น ต้นสัปดาห์ดาวพุธมีตำแหน่งอยู่ทางขวามือของดาวศุกร์ ออกจากกลุ่มดาวหญิงสาวเข้าสู่กลุ่มดาวคันชั่ง ดาวพุธและดาวศุกร์อยู่ใกล้กันที่สุดในคืนวันที่ 16 ต.ค. ที่ระยะห่าง 6.3 องศา เราสามารถใช้ดาวพฤหัสบดีซึ่งอยู่ในกลุ่มดาวเดียวกันแต่อยู่สูงกว่าช่วยบอกตำแหน่งของดาวพุธ เมื่อเห็นดาวพฤหัสบดีแล้ว ให้ลากเส้นในแนวดิ่งลงมาที่ขอบฟ้า ดาวพุธจะอยู่ในทิศทางใกล้เคียงกัน เยื้องไปทางขวามือเล็กน้อย
ดาวเสาร์อยู่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในกลุ่มดาวคนยิงธนู เวลาหัวค่ำมีมุมเงยสูงจากขอบฟ้าประมาณ 50 องศา หลังจากนั้นเคลื่อนต่ำลง ตกลับขอบฟ้าราว 4 ทุ่มครึ่ง ถัดไปทางทิศตะวันออกของดาวเสาร์จะเห็นดาวอังคารซึ่งสว่างกว่าปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล สัปดาห์นี้
ดาวอังคารผ่านจุดสูงสูดบนท้องฟ้าด้านทิศใต้ในเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง-2 ทุ่ม หลังจากนั้นเคลื่อนต่ำลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ สังเกตได้จนใกล้ตกลับขอบฟ้าในเวลาตี 1 ครึ่ง
สัปดาห์เป็นข้างขึ้น มองเห็นดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำของทุกวัน คืนวันจันทร์ที่ 15 ต.ค. ดวงจันทร์เสี้ยวอยู่ทางซ้ายมือใกล้ดาวเสาร์ที่ระยะ 4 องศา คืนวันที่ 16-17 ต.ค. ดวงจันทร์สว่างครึ่งดวง วันพฤหัสบดีที่ 18 ต.ค. จะเห็นดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวอังคารที่ระยะห่างเพียง 1 องศา
สถานีอวกาศนานาชาติ หรือไอเอสเอส โคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 400 กิโลเมตร ปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบ โดยมีลักษณะเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดหรือหัวค่ำ สัปดาห์นี้มีโอกาสเห็นได้หลายครั้งที่น่าสนใจมีดังนี้
ค่ำวันจันทร์ที่ 15 ต.ค. 2561 กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเริ่มเห็นสถานีอวกาศปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศเหนือในเวลา 18.45 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางขวามือ ถึงจุดสูงสุดบนท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลา 18.48 น. แล้วเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดการมองเห็นเมื่อสถานีอวกาศเข้าสู่เงามืดของโลกหลังจากนั้นอีกราว 1 นาทีเศษ ขณะอยู่ทางทิศตะวันออกที่มุมเงย 23 องศา
วันพุธที่ 17 ต.ค. 2561 สถานีอวกาศเริ่มปรากฏใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงเหนือในเวลา 18.37 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้ายมือ ถึงจุดสูงสุดบนท้องฟ้าด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลา 18.41 น. แล้วเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดการมองเห็นใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 18.44 น.
วันเสาร์ที่ 20 ต.ค. 2561 องค์การนาซ่ากำหนดให้เป็นวันสังเกตดวงจันทร์สากลประจำปีนี้ เชิญชวนให้คนทั่วโลกร่วมกันสังเกตดวงจันทร์ในเวลาหัวค่ำของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ งานวันสังเกตดวงจันทร์สากลเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2553 กำหนดให้ตรงกับช่วงที่ดวงจันทร์สว่างประมาณครึ่งดวงในข้างขึ้น เพื่อที่เราจะสามารถมองเห็นหลุมอุกกาบาตที่อยู่ตามแนวเส้นคั่นระหว่างด้านมืดกับด้านสว่างบนดวงจันทร์ได้ชัดเจน ตามแผนจะมีการจัดในวันที่ 20 ต.ค. 2561, 5 ต.ค. 2562 และ 26 ก.ย. 2563
สำหรับประเทศไทย สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้เชิญชวนผู้สนใจร่วมกิจกรรมดูดวงจันทร์และดาวเคราะห์ต่างๆ ผ่านกล้องโทรทรรศน์ในวันดังกล่าวที่บริเวณลานข้างสนามฟุตซอล ติดกับอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ระหว่างเวลา 18.00-21.00 น.รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่เว็บไซต์ thaiastro.nectec.or.th


