posttoday

ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี ความท้าทายในงานสถาปัตย์

07 ตุลาคม 2561

ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี ผู้หญิงคนแรกที่ได้ขึ้นเป็นคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์

โดย โยธิน อยู่จงดี ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี 

ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี ผู้หญิงคนแรกที่ได้ขึ้นเป็นคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง นับแต่ก่อตั้งคณะมากว่า 47 ปี

“ความท้าทายที่สุดของเราตอนนี้ก็คือว่า คณะสถาปัตย์เป็นคณะใหญ่ มีทั้งวิศวกร นักออกแบบหลายสาขาอยู่ด้วยกัน และแต่ละคนก็จะมีบุคลิกความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้รวมใจเป็นหนึ่งเพื่อทำอะไรไปในทิศทางเดียวกันนั้นไม่ง่ายและต้องใช้เวลา

ในขณะที่ประเทศไทย หรือแม้แต่ทางสถาบันแห่งนี้ก็กำลังท้าทายกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้านเทคโนโลยีเปลี่ยน การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว เราจะทำอย่างไรให้คณะนี้ที่แต่ละคนมีความเป็นตัวตนของตัวเองที่แตกต่างกัน ให้เดินไปด้วยกันได้

การจะทำเช่นนั้นก็คือการมีเป้าหมายร่วมกัน นั่นคือเพื่อนักศึกษา 2,000 กว่าคน ถ้าเห็นเป้าหมายเดียวกันว่าสำคัญที่สุดแม้ว่าจะกระทบใครไปบ้าง แต่ถ้านักศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีมีการเรียนการสอนที่มีคุณภาพมากกว่าที่อื่นๆ นี่คือจุดรวมใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้”

ย้อนกลับไปก่อนที่จะมาเป็นคณบดีหญิงคนแรกของคณะสถาปัตย์ แรงบันดาลใจที่ทำให้เธอเลือกเส้นทางสายวิชาการนั้น เกิดขึ้นตอนที่เรียนต่อปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมภายใน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

“ช่วงเวลานั้นเรายังทำงานบริษัทเป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ก็ออกมาเรียนต่อด้านปริญญาโทที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้พบกับคนที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราผันตัวเองมาอยู่ในเส้นทางสายวิชาการก็คือ รศ.ดร.นพดล สหชัยเสรี ซึ่งท่านเป็นแบบอย่างบุคคลที่อุทิศตัวให้กับการพัฒนาด้านวิชาการ

เราเองช่วงเวลานั้นก็รู้สึกว่างานสอนเป็นงานที่มีความท้าทาย และตัวเราเองก็มีหลายๆ อย่างที่อยากจะสอนให้กับนักศึกษารุ่นใหม่ๆ และเมื่อเราเลือกเดินเส้นทางนี้แล้วก็ต้องไปให้สุดทาง อุทิศตัวพัฒนาให้กับงานด้านวิชาการอย่างเต็มที่

พอเราขึ้นมาถึงตำแหน่งคณบดี การที่เราเป็นผู้หญิงจะมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือเหมือนกับการมีแต้มต่อในการทำงานยากๆ ว่าเป็นผู้หญิงมาอยู่ตรงนี้ได้แสดงว่าต้องเก่งและมีความสามารถพอตัว ขณะเดียวกันในข้อดีก็กลายเป็นความยากในเรื่องความนิ่ง ความแข็งแกร่ง แต่ในงานด้านวิชาการต้องเป็นความแข็งแกร่งในเชิงของการใช้ความคิด ทัศนคติ และการใช้อารมณ์ ตรงนี้สำคัญมาก เราเจอคนมากมายในแต่ละวันแทบจะไม่ซ้ำกันเลย ดังนั้นเราต้องประคองสติในการทำงานให้ดี

เมื่อเราเจอปัญหานี้ทำให้นึกถึงอาจารย์ท่านหนึ่งคือ ดร.มัทนา สานติวัตร ท่านเป็นอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ท่านเป็นผู้บริหารที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอด ซึ่งท่านก็ไม่ได้ต่างจากผู้บริหารคนอื่นที่ต้องเจอปัญหาสารพัดในองค์กร แต่ท่านก็มองโลกในแง่บวกแล้วก็ใช้ความแจ่มใสของท่านแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ผ่านพ้นไปได้ และอาจารย์ท่านก็เป็นผู้หญิงที่มีมุมมองชีวิตที่ดีมาก

ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี ความท้าทายในงานสถาปัตย์

เมื่อเราทำงานมาสักพัก ก็ต้องติดต่อกับคน บริการบุคคลมากมาย ความยากไม่ได้อยู่ที่งาน แต่คืออารมณ์ของเราต่างหาก หรือจะเรียกว่าอีคิวก็ได้ เราจะทำอย่างไรที่จะควบคุมปัญหาที่เกิดขึ้นกับคน 10 คนที่มีปัญหาแตกต่างกัน สามารถแก้ไขรับมือกับอารมณ์ของคนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่ากัน

ปัญหาต่างๆ ไม่ได้แก้กันได้ง่ายๆ ทุกอย่างที่เป็นการแก้ปัญหาหรือมีปัญหาเกิดขึ้น ย่อมมีเสียงบ่นเสียงต่อว่าตามมาภายหลัง เพียงแต่ว่าเราจะบริหารจัดการอารมณ์กับเสียงที่พูดถึงเราแบบไหนให้ดีที่สุดมากกว่า สมมติว่าเราโต้ตอบกลับไปเรื่องราวก็อาจจะไปกันใหญ่ จึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในการบริหารงานโดยเฉพาะอารมณ์

เราก็ได้แง่คิดคำแนะนำจาก ศ.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาว่าเราต้องออกทั้งกำลังกายและกำลังใจ ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริง ถ้าเรามีกำลังกายที่แข็งแรงก็จะช่วยให้เราทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แต่ให้ดีกว่านั้นก็คือการออกกำลังใจ เพื่อให้เรามีกำลังใจที่ดี

ความหมายของกำลังใจที่ว่าไม่ใช่คำพูดให้กำลังใจ แต่เป็นกำลังของใจเราจริงๆ ที่เข้มแข็งได้ด้วยตัวเราเอง เพราะเราจะต้องผ่านงานยากอยู่เสมอ สมมติว่าเราต้องวิ่งระยะทางไกล เราก็ต้องฝึกวิ่งเหมือนกันกับใจ ถ้าอยากรับมือกับปัญหาที่มีน้ำหนักความเครียดก็ต้องฝึกด้วยการมีโจทย์ยากๆ เข้ามา เราอาจจะเจอโจทย์ยากระดับ 2 หรือมากกว่านั้น เพื่อรอรับมือความยากในระดับ 10 นั่นคือการออกกําลังใจ

ก็ได้ไอเดียจาก ศ.สุชัชวีร์ ว่าบางทีโจทย์ที่เข้ามาก็เหมือนกับการฝึกใจของเรา ถ้าเราอยู่ในระดับเดิมๆ ก็จะแก้ปัญหาได้เฉพาะในระดับเดิมๆ แต่ถ้าเกิดเราเจอปัญหาที่ใหญ่ขึ้นใจเราก็จะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ทำให้เรารู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่ากำลังใจจริงๆ กำลังใจที่ว่าไม่ใช่คำว่าขอให้โชคดีนะ ขอให้ชนะนะ แต่เป็นกำลังใจที่เกิดจากกำลังของเราเอง กำลังใจที่เข้มแข็งในการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ

ต่อไปในอนาคตข้างหน้าก็ยังมีเรื่องที่ต้องพัฒนาเปลี่ยนแปลงอีกมาก สำคัญคือเราต้องมองในแง่บวกด้านดีที่เรามีไว้ก่อน แต่แน่นอนว่าเมื่อองคาพยพมันใหญ่และเก่าแก่ ก็จะมีกรอบที่ปรับได้ยาก เราต้องหาวิธีในการทำงานร่วมกัน สำคัญอยู่ที่เป้าหมายคือนักศึกษา

ถ้าคุณไม่ปรับตัวเพื่อนักศึกษาก็แปลว่าเป้าหมายเราต่างกันนะ แต่ถ้าเราตั้งเป้าว่าผลประโยชน์คือนักศึกษาเมื่อไหร่ก็ยังพอที่จะทำงานด้วยกันต่อได้ ตอนนี้นักศึกษากว่า 90 เปอร์เซ็นต์จบออกไปมีงานทำ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะนักศึกษาของเราเป็นที่ยอมรับของตลาดแรงงาน

จากการสอบถามความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน ออกมาในทิศทางเดียวกันว่าต้องการสถาปนิกที่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ ดังนั้นก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ซึ่งในวงการสถาปนิกหรือนักออกแบบก็เป็นที่รู้กันว่าพวกเขาจะค่อนข้างมีความเป็นตัวตน และยึดมั่นในแนวความคิดของตัวเองค่อนข้างสูง

เราต้องพัฒนาหลักสูตรที่ช่วยในเรื่องของการบริหารจัดการเวลา และแนวความคิดในการทำงานร่วมกับบุคคลอื่น สามารถคุยด้วยเหตุและผลการยอมรับความคิดที่ต่าง ซึ่งหาได้น้อยมากในปัจจุบัน หลายคนทำงานดีแต่บริหารเวลาในการทำงานไม่ได้ทำให้เกิดปัญหากับงาน เป็นภารกิจที่เราต้องปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด และทำให้นักศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย”

ข่าวล่าสุด

"ธรรมนัส” เผย 25 ธ.ค.นี้ กล้าธรรมเปิดตัวสส.ทั้งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์