โพธิสัตว์บูชิโด
โฮโจ โทคิมุเนะ เป็น “ชิเคน” ในตระกูลโฮโจคนที่ 8 (บ้างก็ว่าคนที่ 6)
โฮโจ โทคิมุเนะ เป็น “ชิเคน” ในตระกูลโฮโจคนที่ 8 (บ้างก็ว่าคนที่ 6) และนับเป็นยอดผู้นำคนหนึ่งแห่งยุค ตำแหน่ง ชิเคน หมายถึง ผู้สำเร็จราชการแทนโชกุน ซึ่งโชกุนก็เปรียบเสมือนผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรดิ ความซ้ำซ้อนนี้เกิดขึ้นจากโชกุนไร้ความสามารถ และจักรพรรดิก็ได้อำนาจ ทำให้ขุนศึกสกุลอื่นก้าวขึ้นมามีอิทธิพลเหนือกว่า เพียงแต่ยัง “เกรงใจ” ไม่ชิงตำแหน่งทั้งสองมาครอบครองเอง แต่ไพล่ไปใช้บรรดาศักดิ์อื่น ที่อาจจะดูเป็นรองกว่า หากอำนาจนั้นล้นฟ้า
ชิเคนโฮโจ โทคิมุเนะ เป็นนักรบและนักปกครอง แสวงหาคำสอนทางศาสนาที่เอื้อต่อวิถีนักรบ และพบว่านิกายเซนที่กำลังรุ่งเรืองในนครคะมะคุระตอบสนองแนวทางของเขาได้ดีที่สุด จึงสมาทานรับนิกายเซนด้วยความศรัทธา อีกทั้งยังถวายตัวเป็นศิษย์ของท่านอู๋เสวีย จู่หยวน หรือ มูงักคุ โซเงน พระญาณาจารย์ที่เดินทางลี้ภัยมองโกลมาจากอาณาจักรซ่ง
ท่านมูงักคุ โซเงน มีอิทธิพลอย่างสูงต่อชีวิตและวิญญาณของชิเคนคนที่ 8 เป็นอย่างมาก ทั้งคู่ยังมีชะตากรรมที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือถูกรังควานจากพวกมองโกลจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
เมื่อพิชิตอาณาจักรหยวนได้แล้ว กุบไลข่านหมายตาญี่ปุ่นเป็นพรมแดนต่อไป ในปี ค.ศ. 1268 จึงส่งคณะทูตมาเกลี้ยกล่อม แต่ โทคิมุเนะวัย 17 ปี และเพิ่งรับตำแหน่ง ส่งทูตกลับไปโดยไม่ให้คำตอบ แต่มองโกลก็ยังไม่ยอมง่ายๆ ส่งทูตมาเกลี้ยกล่อมอีกถึง 4 ครั้ง นับว่ามีเมตตาต่อประเทศนี้อย่างมาก เพราะแต่ไรมามองโกลจะยกทัพบดขยี้ตั้งแต่อีกฝ่ายปฏิเสธความการุณตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งอาจเป็นเพราะว่ามองโกลไม่เจนจัดทัพเรือนั่นเอง
คณะทูตที่ส่งมาทั้ง 4 รอบ ไม่เพียงถูกส่งกลับ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลงเรือเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นอีกด้วย ทำให้กุบไลข่านหมดความอดทน ส่งทัพแรกมารุกรานญี่ปุ่นในปี 1274 แต่ยังไม่ทันไรกองเรือก็ถูกพายุถล่มราบคาบ
หลังจากนั้น มองโกลแห่งอาณาจักรหยวนอาจเริ่มลังเลกับศักยภาพของตนที่จะพิชิตญี่ปุ่น จึงส่งทูตมาอีกและยืนยันว่าจะไม่กลับไปอาณาจักรหยวนหากไม่ได้คำตอบ คราวนี้ โทคิมุเนะ จึงไม่อาจหลีกเลี่ยง มอบคำตอบให้ด้วยการนำคณะทูตมายังคะมะคุระ แล้วตัดศีรษะทั้งหมด
การกระทำเช่นนี้ หมายถึง การประกาศสงครามอย่างชัดเจน ทั่วประเทศตกอยู่ในความตื่นตระหนก ขุนศึกพร้อมใจกันระดมพลรับการรุกรานครั้งใหญ่ ราชสำนักมีโองการให้พระอารามทั้งหลายสวดชัยมงคลอวยพรให้ประเทศรอดพ้นจากหายนะ
เพราะประเทศใดที่บังอาจสังหารทูตมองโกล ไม่เพียงต้องพบกับความพ่ายแพ้ย่อยยับ แต่ยังถึงขั้นสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดินไปตลอดกาล
แต่ โฮโจ โทคิมุเนะ ขณะนั้นอายุได้ 29 ปี อ้าแขนรับชะตากรรมอย่างองอาจ ก่อนที่ทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จะยกพลขึ้นฝั่งที่ญี่ปุ่น ท่านชิเคนเดินทางไปพบพระเถระ มูงักคุ โซเงน อาจารย์ที่เคารพ แล้วกล่าวว่า “นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของศิษย์”
พระอาจารย์ถามว่า “เจ้าเตรียมรับศึกครั้งนี้อย่างไร?”
ยอดขุนศึกปล่อยลมปราณคล้ายกับเสียงคำราม จนท่านอาจารย์ราวกับได้ยินพลังชี่นั้นเป็นถ้อยคำกู่ร้องว่า “ว๊าก!”
เสียงตะโกนว๊ากในภาษาญี่ปุ่นออกเสียว่า คัตสึ พ้องเสียงกับคัตสึที่แปลว่า “ชนะ” นับเป็นนัยศุภมงคลยิ่ง
เมื่อได้ยินดังนั้น พระเถระ มูงักคุ โซเงน พึงพอใจยิ่งนัก รำพึงว่า “บุตรแห่งราชสีห์ร้องสีหนาทเยี่ยงราชสีห์!”
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อมองโกลยกทัพเรือใหญ่ในปี 1281 พร้อมด้วยเรือ 4,400 ลำ กองพล 1.4 แสนคน ต้องประสบกับความพ่ายแพ้ยับเยิน ไม่ใช่เพราะกองทัพญี่ปุ่นต้านไว้ แต่เพราะประสบกับพายุใหญ่กวาดกองเรือเสียหายย่อยยับในชั่วเวลาเพียง 2 คืน
ชาวญี่ปุ่นเชื่อถือกันนับแต่นั้นว่า พายุที่ช่วยประเทศไว้ 2 ครั้ง คือ ฝีมือของเทพวายุ หรือ คะมิกะเซะ
ชัยชนะของญี่ปุ่นทำให้พวกขุนศึกฮึกเหิม และเริ่มมีสถานะสูงส่งยิ่งกว่าชนชั้นสูงอื่นๆ เป็นจุดเริ่มของยุคขุนศึกอย่างแท้จริง พร้อมด้วยปรัชญาแห่งนักรบ หรือ บูชิโด ที่ได้แพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ จากการเริ่มผสมผสานนิกายเซนกับวิถีแห่งดาบ โดยขุนศึกใหญ่ โฮโจ โทคิมุเนะ
โฮโจ โทคิมุเนะ ประสบความสำเร็จอย่างยากที่จะเทียบ ไม่เพียงขยี้ฝันครองบูรพาของมองโกล แต่ยังยกฐานะตระกูลโฮโจอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งแต่จักรพรรดิ จนถึงโชกุน ล้วนแต่เป็นเครือญาติหรือเกี่ยวดองสกุลโฮโจทั้งสิ้น
ราวกับว่าสวรรค์ส่ง โฮโจ โทคิมุเนะ เกิดมาเพื่อครอบครองใต้ฟ้าผืนนี้
และคงเป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากสิ้นศึกต้านมองโกลได้ 3 ปี โฮโจ โทคิมุเนะ ก็สิ้นใจด้วยวัยเพียง 34 ปี ในวันที่เขาสิ้นใจนั้น ก็คือวันที่เขาอุปสมบทเป็นภิกษุในนิกายเซน ณ วัด เอนงะคุกจิที่สร้างถวายท่าน มูงักคุ โซเงน ผู้เป็นอาจารย์
ท่านอาจารย์กล่าวถึงเขาในวันวางวายว่า
...ชั่วชีวิตของเขามีเรื่องอัศจรรย์ 10 ประการ บ่งชี้ว่าดำเนินตามมรรคาปณิธานโพธิสัตว์ 1.เป็นบุตรกตัญญูดูแลมารดา 2.เป็นข้าบาทผู้ซื่อสัตย์ต่อพระจักรพรรดิ 3.บำบัดทุกข์บำรุงสุขปวงประชา 4.ศึกษาวิปัสสนาเพื่อบรรลุธรรม 5.ปกครองแผ่นดินยาวนาน 20 ปี 6.ไม่สำแดงอาการโทสะหรือยินดี 7.อาศัยพายุแห่งธรรมกำราบพวกป่าเถื่อน (มองโกล) 8.ไม่แสดงอาการหลงใหลได้ปลื้ม 9.สถาปนาพระอาราม อุทิศกุศลแก่ทหารญี่ปุ่นและมองโกล 10.บูชาพ่อแม่ครูอาจารย์ในพุทธจักร แสวงหาวิถีแห่งการบรรลุธรรม - ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เขากำเนิดมาบนโลก เพื่อค้ำชูธรรมะ
โฮโจ โทคิมุเนะ รับศีลโพธิสัตว์เป็นภิกษุเต็มตัวบนเตียงนอนก่อนสิ้นใจ ในทางโลก เขา คือ ยอดคน ในทางธรรม เขา คือ ผู้ถือหลักกรุณาแสวงมรรค


