posttoday

จดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านถึงเวลาเปลี่ยนกฏกติกาใหม่

19 ตุลาคม 2553

.....นคร มุธุศรี

พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 บัญญัติกฎกติกาในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรว่า ต้องเข้าข่ายคุณสมบัติ 34 ประการ อาทิ จัดทำสาธารณูปโภคแล้วเสร็จ ผู้จัดสรรที่ดินดูแลครบ 1 ปี ผู้ขายแจ้งพ้นภาระหน้าที่พร้อมกำหนดนัดหมายประชุม และหลังได้รับหนังสือแจ้งจากผู้ประกอบการ ผู้ซื้อบ้านซื้อที่ดินลงมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งขึ้นไปของจำนวนแปลงย่อยทั้งหมดในโครงการขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหมู่บ้าน

บทบัญญัติข้อท้ายนอกจากจะเป็นอุปสรรคขวากหนามมิให้หมู่บ้านจัดสรรทั่วประเทศไทยสามารถจัดตั้งนิติบุคคลได้ตามเป้าประสงค์แล้ว ยังส่งผลให้เกิดความแตกแยกในชุมชนอย่างขนานใหญ่ เช่น ผู้ซื้อทะเลาะกับผู้ขาย เพื่อนร่วมซอยตั้งก๊กตั้งก๊วนแบ่งสีแบ่งฝ่าย ผู้พักอาศัยทะเลาะเบาะแว้งซึ่งกันและกันวุ่นวาย

สืบสาวราวเรื่องดูเถอะ ต้นสายปลายเหตุมักจะมาจากมีความเห็นไม่ตรงกันในการจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านว่าจะเริ่มนับหนึ่งตอนไหน กอปรกับช่วงสุญญากาศยังไม่มีกฎระเบียบการอยู่อาศัยร่วมกัน

ใครใคร่ค้า เปลี่ยนบ้านเป็นร้านมินิมาร์ท เป็นร้านอาหาร...ทำ

ใครใคร่ต่อเติมพื้นที่ออกไปด้านหน้าหลังและด้านข้าง...ทำ

ใครใคร่ปล่อยหมาปล่อยแมวออกไปขี้เยี่ยวหน้าบ้านเพื่อน...ทำ

และอีกสารพัดการกระทำที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับเพื่อนร่วมซอย

ย้ำดังๆ อีกทีว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชน มันเกิดจากกฎกติกาในการจัดตั้งนิติหมู่บ้านจัดสรรที่กำหนดให้มีผู้ซื้อลงมติเห็นชอบเกินครึ่งของทั้งหมดขึ้นไป ซึ่งในภาคปฏิบัติกระทำได้ยากยิ่ง

นี่ยังไม่นับตอนส่งและรับมอบสาธารณูปโภค ระหว่างผู้จัดสรรกับกรรมการหมู่บ้านที่ทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดงอีกบาน

ทั้งหลายทั้งปวงที่ว่าๆ มา น่าจะถึงเวลาแก้บทบัญญัติ พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดินในมาตรา 45 ที่กำหนดเอาไว้ ความว่า การจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรให้ผู้ซื้อที่ดินจัดสรรจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนแปลงย่อยตามแผนผังโครงการมีมติให้จัดตั้งเสียที

เปลี่ยนกฎกติกาใหม่เป็น

เมื่อผู้จัดสรรก่อสร้างสาธารณูปโภคทั้งโครงการแล้วเสร็จ และประสงค์จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้ผู้ซื้อรายแรก ให้ผู้จัดสรรยื่นจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรพร้อม ข้อบังคับต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินสาขา

ว่าที่จริงก็ปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกับคอนโดมิเนียมนั่นแหละ

เหอะ...ไหนๆ จะยกเครื่องกฎหมายในส่วนนี้ทั้งที ทำไมกรมที่ดินถึงแก้เฉพาะสองประเด็น คือ การส่งมอบสาธารณูปโภคหรือที่ใช้เพื่อบริการสาธารณะที่ผู้รับโอนจะต้องรับไปทั้งสิทธิทั้งภาระหน้าที่

และรายการที่สอง กรณีผู้ซื้อที่ดินไม่ประสงค์จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ให้ผู้จัดสรรโอนสาธารณูปโภคเป็นสาธารณประโยชน์ได้ทันที โดยมิพักเสนอแผนบริหารอีกต่อไป

ว่าก็ว่าเหอะ หากเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้จดทะเบียนนิติบุคคลนับตั้งแต่วันโอนบ้านหลังแรก สองประเด็นในพารากราฟบนก็ไม่ต้องบัญญัติไว้ก็ยังไหว

นอกจากนั้น การจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านพร้อมๆ โอนบ้านหลังแรกเฉกเช่นเดียวกับอาคารชุดนั้น สามารถขจัดสารพันปัญหาการอยู่อาศัยชนิดได้ผลเต็มร้อย อีกทั้งยังเกิดสิ่งดีๆ อย่างน้อย 89 ประการ

อาทิ หนึ่ง สามารถจัดระเบียบหมู่บ้านได้ทันที นับตั้งแต่ผู้ซื้อรายแรกๆ ย้ายเข้าพักอาศัยสอง คณะกรรมการนิติบุคคลสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์จากที่อยู่อาศัยเป็นพาณิชย์อย่างได้ผล

สาม ป้องกันการตกแต่งต่อเติมและหรือการวางโต๊ะเก้าอี้ วางวัสดุอุปกรณ์รุกล้ำฟุตปาททางเท้าสี่ ไม่ต้องรอลุ้นคะแนนเสียงเห็นชอบให้จัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านตอนประชุมใหญ่

ห้า ไม่มีปัญหาในการส่งมอบและตรวจรับสาธารณูปโภค ระหว่างผู้จัดสรรกับคณะกรรมการนิติบุคคลอีกต่อไปหก ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้าน

เจ็ด ขจัดสุญญากาศ ระหว่างรอให้ครบถ้วนตามขั้นตอนและกฎกติกาได้ทันทีแปด ลดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งและแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่ายในชุมชนให้เหลือน้อยลงและหรือหายไป

เก้า ผู้ซื้อรายใหม่สามารถตรวจสอบรายการทรัพย์ส่วนกลาง และกฎระเบียบการอยู่อาศัยก่อนตัดสินใจจองซื้อได้ง่าย

หากกริ่งเกรงข้อครหาว่าอุ้มกระเตงผู้จัดสรรละทิ้งโครงการเร็วเกินไป ก็บัญญัติภาระหน้าที่เพิ่มอีกมาตรา โดยกำหนดให้บริษัทผู้ขายเป็นผู้ออกเงินค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมสาธารณูปโภคและทรัพย์สินส่วนกลางที่ใช้เพื่อบริการสาธารณะไม่น้อยกว่า 2 ปี นับตั้งแต่วันจดทะเบียนนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร

ปรับแก้ได้อย่างนี้ น่าจะสมประโยชน์และแฮปปี้ทุกฝ่ายว่ามั้ย..

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ