‘ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง’ ในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ พระผู้บันดาลใจ
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต
โดย อนัญญา มูลเพ็ญ
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต แต่ประชาชนชาวไทยจำนวนมากยังคงดำเนินชีวิตตามคำสอนและมีพระองค์ท่านเป็นแรงบันดาลใจในการประกอบการงาน โดยเฉพาะการปรับใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ให้ธุรกิจอยู่ได้ไปพร้อมๆ กับการดูแลสังคม เช่นเดียวกับการทำงานของ “ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง”
ม.ร.ว.ภิญโญสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ ผู้บริหารศูนย์ฝึกอาชีพฟ้าใสปันน้ำใจวิทยาลัยในวัง อดีตผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) เล่าว่า ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง มีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับจุดพักรถภูทองวิจเลจ ซึ่งเป็นที่เอกชน ริมถนนพหลโยธิน (ฝั่งซ้ายมือขาล่องลงกรุงเทพฯ) ต.ยางตาล อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ของ “คุณชญาภา สุสมบูรณ์” เจ้าของบริษัท อุตสาหกรรมแควใหญ่ สถานบริการน้ำมัน ปตท.เขาเขียว และจุดพักรถภูทองวิลเลจ
โดยปัจจุบันศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เป็นเครือข่ายของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) และศูนย์ฝึกอาชีพฟ้าใสปันน้ำใจวิทยาลัยในวัง ให้ความรู้ตามหลักสูตรซึ่งอยู่ ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการวิทยาลัยในวัง จ.นครสวรรค์ ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัว จ.นครสวรรค์
คุณชายภิญโญสวัสดิ์ เท้าความถึงประวัติความเป็นมาการเกิดขึ้นของวิทยาลัยในวังก่อนจะขยายมาสู่ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง จ.นครสวรรค์ ว่าเกิดขึ้นเมื่อครั้งซ่อมบำรุงพระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้วประตูหน้าต่างโบสถ์วิหาร เพื่อเฉลิมฉลอง 200 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ และต้องอาศัยช่างจากกรมศิลปากร ช่างภูมิปัญญาพื้นบ้าน โดยขณะนั้นมีไม่มากทรงเห็นว่าจำเป็นต้องฝึกช่างของวังขึ้นมาใช้เอง จากแนวพระราชดำริภายหลังมาตั้งเป็นวิทยาลัยในวังชายอยู่ด้านท้ายพระบรมมหาราชวัง
ขณะที่ผู้หญิงที่ถวายงานเป็นประจำทุกวันตามหมู่งาน ไม่ว่าจะเป็นงานเครื่องเสวย อาหารคาวหวาน แกะสลักผัก ผลไม้ ดอกไม้ ใบตอง อาหารว่าง เครื่องหอม เครื่องแขวนไทย เย็บปักถักร้อย จนเป็นวิถีชีวิตของผู้หญิงไทยในวังนั้น ก็ทรงโปรดตั้งเป็นวิทยาลัยในวังหญิงอยู่งานฝ่ายในท้ายพระบรมมหาราชวัง
ต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการเผยแพร่องค์ความรู้ช่างและฝีมือในวังออกไปยังคนนอกวัง เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้ไปประกอบอาชีพ สำนักพระราชวังจึงได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ทำโครงการขยายวิทยาลัยในวังไปที่ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ตั้งเป็นศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนกาญจนาภิเษก (วิทยาลัยในวัง) เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในพระบรมราชวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50
เปิดการเรียนการสอน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.อบรมหมวดงานศิลปะไทยโบราณช่าง 10 หมู่ หลักสูตรระยะยาว 800 ชั่วโมง และอบรมหมวดงานวิถีชีวิตของหญิงไทยในวังในอดีต เป็นหลักสูตรระยะสั้นไม่เกิน 1 เดือน ซึ่งในเวลาต่อมาศูนย์ได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะกับกระทรวงยุติธรรม ตั้งเป็น “ศูนย์ฝึกอาชีพฟ้าใสปันน้ำใจวิทยาลัยในวัง” เพื่อพัฒนาเตรียมอาชีพให้กับเด็กและเยาวชนของบ้านเมตตาบ้านปรานี จากนั้นได้ย้ายศูนย์ฝึกอาชีพฟ้าใสฯ ไปยัง จ.นครสวรรค์ เนื่องจากกระทรวงยุติธรรมขอคืนพื้นที่ที่ ต.คลองโยง อ.พุทธมณฑล
โดยในระยะแรกเป็นไปค่อนข้างลำบาก แต่หลังจากดำเนินงานกันมาเกือบ 10 ปี ท่านองคมนตรี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย และคุณหญิงรัชนีวรรณ วัฒนชัย และคณะ ได้ระดมเงินเพื่อตั้งเป็นกองทุนสร้างอาคารเรียน อาคารห้องประชุม ขึ้นในพื้นที่เดียวกับจุดพักรถภูทองวิลเลจที่คุณชญาภาเปิดให้ใช้พื้นที่และให้ชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง
สำหรับการเรียนการสอนที่นี่ เปิดสอนหลักสูตรวิชาอาชีพช่าง 10 หมู่ เพื่อการมีงานทำงานช่างเขียนจิตรกรรมไทย 800 ชั่วโมง และหลักสูตรวิถีชีวิตของหญิงไทยในวังในอดีต 40-80 ชั่วโมง กลุ่มเป้าหมายผู้เรียนคือ ทั้งเด็กและเยาวชนในศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 6 จ.นครสวรรค์ ผู้พิการในโครงการพัฒนาอาชีพคนพิการ ประชาชนทั่วไปในโครงการพัฒนาอาชีพและยกระดับรายได้ที่อำเภอต่างๆ ขอมา
คุณชายภิญโญสวัสดิ์ กล่าวว่า การดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้ภูทองดำเนินการได้นอกจากการสนับสนุนของท่านองคมนตรีและคณะแล้วยังมาจากความเข้มแข็งของกลุ่มนักธุรกิจของจ.นครสวรรค์ ทั้งจากคุณชญาภาที่ให้พื้นที่ สำหรับการเรียนและรับซื้อสินค้าจากนักเรียน ยังมีเอกชนรายอื่นๆ ร่วมสนับสนุน
คุณชญาภา นักธุรกิจผู้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการศูนย์การเรียนรู้ภูทอง กล่าวว่า ในการทำธุรกิจส่วนหนึ่งต้องให้ธุรกิจอยู่ได้ ส่วนหนึ่งต้องแบ่งปันให้สังคม การทำงานทุกวันนี้ส่วนตัวมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ โดยการรวมตัวของนักธุรกิจและคณะผู้พิพากษาสมทบเพื่อช่วยกันบริหารและขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ส่วนหนึ่งเพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน
โดยรูปแบบการทำธุรกิจและแบ่งปันนั้น คุณชญาภา เล่าว่า นอกจากให้พื้นที่ขายผลงานในปั๊มน้ำมัน ปตท.ของครอบครัวแล้ว จะรับซื้อสินค้าแบบซื้อขาดจากนักเรียนและนำมาขายในช็อปของภูทองวิจเลจเพื่อเสนอขายให้กับผู้มาจอดพักรถ และบุตรสาวยังทำธุรกิจรับจัดงานแต่งงานครบวงจร ก็จะมีการเสนอสินค้าที่เป็นผลงานของนักเรียนให้ลูกค้าอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ นอกจากเป็นโรงเรียนและหน้าร้านขายชิ้นงานของนักเรียนของศูนย์แล้ว ที่นี่ยังมีแปลงสาธิตทดลองของเครือข่ายเกษตรกรพอเพียงศาสตร์พระราชา ที่สาธิตการปลูกผักปลอดสารพิษ และหากมีผู้สนใจเข้ารับการฝึกได้ที่ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียงของ “สุพจน์
โคมณี” อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ได้


