ธีรพงศ์ จันศิริ การทำธุรกิจต้อง ‘ยืดหยุ่น’
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU)
โดย พูลศรี เจริญ
ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) วันนี้เขาเป็นนักธุรกิจระดับโลกไปแล้ว ด้วยการนำพาเรือ TU ล่องมหาสมุทร หรือหาโอกาสทำธุรกิจไปทั่วโลกจนเป็นผู้นำอาหารทะเลระดับโลก
ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนมีบริษัทในเครือกระจายอยู่ทั่วทุกทวีป ที่สำคัญคือ ได้เข้าซื้อกิจการของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกมาไว้ในมือหลายบริษัทตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2560 บริษัทมียอดขายรวม 1.4 แสนล้านบาท มีพนักงานทั่วโลก 4.5 หมื่นคน
ภายใต้การบริหารของทายาทรุ่นที่ 2 “ธีรพงศ์” ถือเป็นผู้บริหารที่มีความสามารถครบครันทั้งด้านการเงินการตลาด รวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคจนทำให้ TU เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ธีรพงศ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีบริหารธุรกิจ ด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เรียนต่อระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก สหรัฐ จากนั้นตีตั๋วกลับบ้านเกิดเพื่อมาช่วยกิจการของครอบครัว
เมื่อพูดถึงเรื่องการซื้อกิจการที่อาจกล่าวได้ว่าหลายปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการก้าวสู่บริษัทระดับโลกจนได้ฉายา “ราชาทูน่าโลก”
แต่นับจากนี้ ธีรพงศ์ บอกว่า การซื้อกิจการไม่ใช่เป็นประเด็นแรกๆ ที่บริษัทต้องให้ความสำคัญ ยกเว้นมีดีลที่น่าสนใจก็จะทำ
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้ใช้เงินสำหรับซื้อกิจการไปจำนวนมาก เขาบอกว่าได้ลงทุนไปแล้วก็จบ ต่อไปนี้จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยว อย่างไรก็ดีเขาบอกว่า ยังไม่พอใจกับการเติบโต สะท้อนว่าธุรกิจนี้ไม่ง่ายยังต้องทำการบ้านอีกมาก
ในฐานะที่มีประสบการณ์กับการทำธุรกิจระดับโลกผ่านร้อน ผ่านหนาว บางครั้งก็ฝ่าคลื่นลมและมรสุมกับการล่องมหาสมุทร ธีรพงศ์ มีคำแนะนำสำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวออกมา หรือที่กำลังจะเติบโตในวันข้างหน้านั่นก็คือ การทำธุรกิจมีความซับซ้อนและพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้น ต้องมีความยืดหยุ่นและมีความแข็งแกร่งทั้งเรื่องต้นทุนช่องทางการตลาดและอินโนเวชั่น
“สำหรับไทยยูเนี่ยนปีที่ผ่านมาเราฉลองครบอายุ 40 ปี ของบริษัทไปแล้ว ต่อจากนี้จะเน้นการสร้างความยั่งยืน”
ธีรพงศ์ กล่าวได้อย่างน่าสนใจว่า แม้วันนี้ไทยยูเนี่ยนจะเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก แต่พนักงานทุกคนที่มาทำงานกับบริษัทต้องมีความชอบในการทำงาน มีวิสัยทัศน์ไปสู่ข้างหน้า และต้องมีความยืดหยุ่น
“เรื่องความยืดหยุ่นในการทำงาน ผมว่าสำคัญมากกับสถานการณ์ปัจจุบัน ถัดจากนี้โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงและรวดเร็ว เรื่องจำนวนคนผมว่าไม่ใช่สิ่งที่น่าจะภาคภูมิใจ”
พร้อมกันนี้เขาย้ำว่า “ใหญ่ไม่ได้แปลว่าดี ทำงานมานานไม่ได้หมายความว่าดี”
โจทย์ท้าทายของไทยยูเนี่ยน นั่นคือ เป้าหมายรายได้ที่ 8,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.6 แสนล้านบาท ในปี 2563 ขณะที่ผู้ส่งออกไทยเผชิญทั้งเรื่องค่าเงิน ราคาวัตถุดิบผันผวน อุปสรรคกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
การจะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ธีรพงศ์ บอกว่าต้องมีการพัฒนาแผนงานสำหรับรองรับทั้งโอกาสและความท้าทายในอนาคต ควบคู่ไปกับการดูแลความต้องการพื้นฐานในการดำเนินงานขององค์กรด้วยความรอบคอบและสมบูรณ์


