ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (67)
โดย วิมลพรรณ ปีตธวัชชัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเตรียมที่จะสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรก เมื่อกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคต ในปี 2428
โดย วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเตรียมที่จะสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรก เมื่อกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคต ในปี 2428
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ซึ่งประสูติแต่สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา บรมราชเทวี เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2421
ในปีเดียวกันนี้เอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงทุนทำการบ่อทองบางสะพานไว้เป็นเงิน 6,500 เหรียญ เพื่อที่จะทรงแจกจ่ายให้แก่พระราชโอรสทั้งหลาย ดังความที่ปรากฏไว้ในลายพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ดังนี้ว่า
ร.ที่ ๑๑๗๖/๔๗ พระที่นั่งไอสวรรยทิพย์อาศน
วันที่ ๒ ฯ ๓ ค่ำปีระกา สปตศก ศักราช ๑๒๔๗
ทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมสมเด็จพระบำราบปรปักษ์
ด้วยหม่อมฉันได้ให้กรมหมื่นเทวะวงษวโรประการ บอกเจ้าส่วนทำการบ่อทองบางสะพานไว้เป็นเงิน ๖,๕๐๐ เหรียญ เพื่อจะได้แจกให้แก่ลูกเป็นส่วนๆ ตามที่ได้ลงชื่อไว้ในบัญชีเข้าหุ้นส่วน คือ
เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ๕๐๐ เหรียญ
เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ๕๐๐ เหรียญ
เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ ๕๐๐ เหรียญ
เจ้าฟ้าตรีเพชรุตธำรง ๕๐๐ เหรียญ
เจ้าฟ้าสมมติวงษ์วโรทัย ๕๐๐ เหรียญ
เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ ๕๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้ายุคลฑิฆัมพร ๕๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าประวัติวัฒโนดม ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าประวิตรวัฒโนดม ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าจิระประวัติวรเดช ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงษ์ ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าวุฒิชัยเฉลิมลาภ ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธ์ ๓๐๐ เหรียญ
พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์ ๓๐๐ เหรียญ
เพราะฉนั้นหม่อมฉันจึงได้มีโทรเลขทูลลงมาให้ออกตั๋วแบงค์ เพื่อจะได้ให้เป็นการเรว ได้สอดสำเนาถวายมาด้วยแล้ว
พระบรมนามาภิไธย
สยามมินทร์
เมื่อมีการสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็โปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการทรงจูงสมเด็จพระบรมฯ ในพระราชพิธีลงสรงและทรงสนาน
ดังที่ได้ปรากฏอยู่ในบันทึกจดหมายเหตุรายวันของสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ วันศุกร์ที่ 14 ม.ค. 2429 ความดังนี้ว่า
“เราตื่นเช้าโมงหนึ่ง กินข้าวแล้วแต่งเครื่องขาว สามโมงเช้าแห่แต่เกยต้นชมพู่ไปหน้าโรงทอง โรงกษาปณ์ ออกประตูศรีสุนทรไปตำหนักแพ ถึงเกยพระที่นั่งราชกิจ ทูลกระหม่อมทรงรับ ทูลหม่อมย่าประทับทอดพระเนตรอยู่ที่พระที่นั่งราชกิจ เราไปถึงเปลื้องเครื่องแต่งเครื่องถอดเสร็จแล้วทูลหม่อมทรงจูงมา เสด็จลุงเทวัญยังไม่มา เสด็จน้าโตจูงแทน มาที่พลับพลา รับศีลแล้วเสด็จลุงมาจูงเราไปนั่งที่พลับพลาทอง นั่งคอยฤกษ์พระ ได้เวลาลอยบัตร ลอยมะพร้าว กุ้ง ปลา ได้เวลาทูลหม่อมทรงอุ้มเราลงทาบบันไดแก้ว สั่งทูลหม่อมอาองค์น้อย ทูลหม่อมอาทรงรับเราจากพระหัตถ์ทูลหม่อม ทูลหม่อมอาทรงฉลองพระองค์ปักทองแล่งขาว ทรงผ้ายกขาวรับเราลงว่ายกับลูกมะพร้าว โผสามครั้งแล้วกลับมานั่งบนที่รดน้ำ ทูลหม่อมทรง (รด) ประทานก่อน แล้วเสด็จอุปัชฌาย์ขรัวลุงสมเด็จวันรัตน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ข้างในสมเด็จแม่ เสด็จน้า เสด็จยายแม้นเขียน เสด็จยายกินรี ป้าโสม ข้างหน้ากรมหลวงวรศักดา กรมขุนบดินทร์ กรมขุนเจริญ เสด็จอากรมหมื่นนเรศเสด็จอากรมหลวงพิชิต เสด็จลุงเทวัญ เสด็จอากรมขุนนริศ น้าโต เจ้าพระยาสุรวงษ์ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ เจ้าพระยาภาณุวงษ์ เจ้าพระยาพลเทพ เจ้าพระยามหินทร์ ทูลหม่อมอาองค์น้อย แล้วกลับขึ้นมารับน้ำสังข์ที่ทูลหม่อมย่า ทูลหม่อมอาพระองค์ใหญ่ แล้วเปลื้องเครื่องสรงออก ใส่เสื้อครุยนุ่งอย่างพระ เสด็จลุงจูงมาส่งทูลหม่อม ท่านทรงรับเราส่งเกย แห่มาปราสาท แล้วประทานสุพรรณบัฏกับเครื่องยศ คือ พระแสง ๒ แหวนนพเก้าวงหนึ่ง แหวนมรกตแกะตราของเราวงหนึ่งพานหมาก ๑ กระโถน หีบหมาก เต้าน้ำพานรอง กับกาชาทองมีเครื่องพร้อม แล้วมาแต่งตัวเครื่องมาลาที่ได้ประทานใหม่ ติดตรานพรัตน์ สวมสายสร้อยนพรัตน์ เหน็บพระแสง แห่กลับ เราไม่ได้มาเรือน อยู่ในสวน บ่ายสี่โมงแต่งเครื่องต้น ใส่มงกุฎดอกไม้ไหว แห่กลับ...”
ในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ 5 ก็ได้ปรากฏอยู่เช่นเดียวกัน อันเป็นความตอนหนึ่งในพระราชพิธีมหาพิชัยมงคลลงสรงสนาน เฉลิมพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพระราชกุมารพระองค์ใหญ่ ว่า
“วัน ๖ เดือน ๒ แรม ๖ ค่ำ (พ.ศ. ๒๔๒๙) เจ้าพนักงานจัดการขบวนแห่พร้อมเสร็จเวลาเช้า ๓ โมงเสศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงส่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าพระราชกุมาร ทรงพระราชยานแห่งไปโดยราชวิถีแล้วออกประตูศรีสุนทร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทางพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ทรงพระราชยานไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงรับพระกรมสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จขึ้นเปลี่ยนพระภูษาฉลองพระองค์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ (ตอนนี้เป็นตอนที่จดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า เสด็จลุงเทวัญยังไม่มา เสด็จน้าโตจูงแทน) รับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอตามเสด็จพระราชดำเนินประทับพลับพลาหน้าพระที่นั่งชลังคพิมาน ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ตามเสด็จพระราชดำเนินประทับที่พลับพลาทองในแพพระมณฑป ถึงเวลามหามงคลฤกษ์ เช้า ๕ โมง ๒๖ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เสด็จประทับอัฒจรรบันไดแก้ว แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระภาณพันธุวงศ์วรเดช รับเสด็จลงจุ่มพระองค์สรงสนานด้วยมะพร้าวคู่ ปิดเงิน ทองถวาย ทรงว่ายโผ โดยสมควร ขณะนั้นเจ้าพนักงานลั่นฆ้องไชย ตีไม้บันเดาะ ประโคมแตงสังข์ กลองแขก พิณพาทย พระสงฆ์ราชาคณะ ๒๐ รูป สวดถวายไชยมงคล กรมพระแสงปืนต้นยิงปืนสัญญากว่าจะสิ้นพระฤกษ์ เรือล้อมวงยิงปืนใหญ่น้อยและทหารปืนใหญ่ บก เรือ ยิงสลุดแห่งละ ๒๑ นัด การเล่นก็เล่นสมโภชขึ้นพร้อมกัน ครั้นแล้วเชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอขึ้นประทับบนพระแท่น ๓ ชั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ แลพระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ พระกระยาสนาน แลน้ำปัญจมหานทีต่างๆ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญเสด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์กับพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ และพระบรมวงศานุวงษ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าในแลท่านเสนาบดี ถวายน้ำพระพุทธมนต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แลชีพ่อพราหมณ์ถวายน้ำกลศน้ำสังข์ เสด็จทรงผลัดพระภูษา พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เชิญเสด็จขึ้นสู่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยทรงเครื่องแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงส่งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทรงพระราชยานกระบวนแห่กลับ...”
ครั้นหลังจากที่เสร็จพระราชพิธีมหาพิชัยมงคลลงสรงสนานแล้ว ก็ได้มีการแห่สมโภช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ณ วัน 6 เดือนยี่ แรม 6 ค่ำ ณ วัน 7 ค่ำ (ปี 2429)
วันหนึ่ง เดือน 2 แรม 8 ค่ำ (ปี 2429) เวลาบ่าย 5 โมง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงเครื่องต้นอย่างขัตติยราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประทับเกยท่าพระที่นั่งนงคราญสโมสร ทรงส่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงพระที่นั่งพุดตาน เดินกระบวนแห่โดยราชวิถีเดิม
ดังความที่ปรากฏต่อไปนี้ว่า
“แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินประทับเกยพระที่นั่งอาภรณพิโมชปราสาท ทรงรับพระกรสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ขึ้นสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ประทับเหนือพระที่นั่งราชยานกง ภายใต้สัปตปดลเสวตรฉัตร มีนางถวายอยู่งานพัด ๒ คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระที่นั่งโธรนพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีมนตรี มุขมาตย์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทในกรุง หัวเมือง แลเจ้าประเทศราช ทั้งผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศ ที่เป็นทางพระราชไมตรีเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อนกัน จึงสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศวรเดช กราบบังคมทูลแสดงความยินดีที่ได้สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชขึ้น เพื่อจะได้ทรงสืบสันตติยวงศ์ต่อไป แล้วถวายไชยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวง
มิสเตอเออเนส เมซัน ซาเตา ราชทูตอังกฤษกราบบังคมทูลแสดงความยินดี ถวายไชยมงคลแทนผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศทั้งปวง
ท่านเจ้าพระยารัตนบดินทร์มหินทรมหากัลยาณมิตร กราบบังคมทูลถวายไชยมงคล แทนข้าราชการทั้งปวง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำรัสตอบแสดงความขอบใจท่านทั้งหลายทั้งปวงโดยที่ถวายไชยมงคลแสดงความยินดีในการพระราชพิธีนี้ แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงพระราชดำรัสตอบขอบคุณท่านทั้งหลายที่แสดงความยินดีถวายไชยมงคล แล้วผู้แทนคอเวอนเมนต์ต่างประเทศถวายบังคมกลับลงไปจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
ครั้นเมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จประทับเหนือพระราชยานกง ภายใต้สัปตปดลเสวตรฉัตร อันแวดล้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่น้อย แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าโดยลำดับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เสนาบดีผู้ว่าการต่างประเทศ นำมิสเตอ เออเนสเมซัน ซาเตา ราชทูตอังกฤษ ๑ มิสเตอ อี.บี.กูลต์ กงสุลอังกฤษ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อ่านคำถวายไชยมงคล ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย ราชินีกรุงอังกฤษมีรับสั่งให้มีโทรเลขมาถวายไชยมงคลในการพระราชพิธีมหามงคลสมัยนี้ด้วย”
ในพระราชพิธีนี้ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อวันศุกร์แรม 6 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก จุลศักราช 1284 (ปี 2429) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรัสตอบขอบใจพระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนรัฐบาลต่างประเทศ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท มีความว่าดังนี้
“พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี มนตรีมุขมาตย์ข้าราชการทั้งปวง เจ้านายท้าวพระยา เมืองประเทศราชทั้งหลาย แลทูตกับกงศุลผู้แทนคอเวอนแมนต์ต่างประเทศที่เป็นทางพระราชไมตรี
เรามีความยินดีเป็นอันมากที่ได้ฟังถ้อยคำของท่านทั้งปวงอ่านขึ้นโดยในเวลาเมื่อกี้นี้ ในการที่เราประกอบให้คงตามธรรมเนียมโบราณ ซึ่งเราได้กระทำให้สำเร็จไปในเวลาวันนี้ เราไม่ได้มีความประสงค์ที่จะกระทำด้วยประโยชน์ของตัวเรามากเสมอเหมือนกับที่เรามีความปรารถนาว่า จะรักษาความสุขของบ้านเมืองเราให้มั่นคงมากขึ้น โดยดำเนินไปตามรอยที่มีอยู่ในโบราณราชประเพณีของเมืองนี้แล้ว จะได้ทำให้จารีตอันเป็นที่นับถือมาช้านาน แลซึ่งมีการคราวหนึ่งในพงศาวดารว่าไม่ได้ใช้มาดังนี้ ให้ดำรงคงมีอยู่ตามเดิมสืบไป
เราเห็นความว่าในสมัยนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม ควรที่จะกลับตั้งธรรมเนียมเดิมในราชประเพณีให้คืนคงที่ แลเรามีความยินดีที่ได้เห็นว่าความประสงค์ของเรานี้ เป็นที่เห็นชอบทั่วไป โดยความยินยอมพร้อมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวหมด แลพระราชพิธีมหาพิไชยมงคลอันนี้ก็ย่อมเป็นที่ท่านทั้งหลายทั้งปวงนับถือ เหมือนว่าจะเป็นการอุดหนุนความมั่นคงของพระราชอาณาจักรนี้ แลเป็นที่เกื้อกูลความเจริญอาณาประชาชนด้วย เราตั้งใจจะพยายามต่อไปในการที่จะรักษาความสงบเรียบร้อย แลความเป็นเอกราชของประเทศนี้ แลจะให้มีความเจริญแก่อาณาประชาราษฎร โดยอย่างยิ่งที่จะให้สมแก่ประโยชน์ของชนทั้งปวงในอาณาจักรนี้ด้วย
เรามีความยินดีเป็นอันมากที่ได้เห็นทูตแลกงศุล ผู้แทนคอเวอนเมนต์ทั้งปวงที่ได้มาตั้งอยู่ในเมืองนี้ แลได้เห็นพวกมิชชั่นวิเศษ ผู้แทนประเทศที่ใกล้เคียงกับเมืองเรานั้น ได้มาพร้อมกันในมหามงคลสมัยนี้ด้วย เราเห็นได้แต่อย่างเดียวว่า เป็นสิ่งสำคัญที่หมายในทางพระราชไมตรีที่ได้ตั้งอยู่อันดีแล้ว
เราขอขอบใจท่านทั้งหลายทั้งปวงที่ได้สำแดงน้ำใจให้เห็นว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในการที่เกื้อกูลแก่พระราชพิธีสำคัญอันได้กระทำสำเร็จแล้วนี้ แลท่านทั้งหลายได้แสดงความยินดีแลให้พรแก่สยามมกุฎราชกุมาร อันเป็นพระบรมโอรสของเราฉนี้ เรามีความขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอันมาก”
ในระหว่างพระราชพิธีที่สำคัญดังกล่าวนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังโปรดเกล้าฯ ให้อัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย เป็นผู้ทำพิธีถวายเจิมแก่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชด้วย
ในการนี้ได้ยังความปลาบปลื้มให้แก่อัครราชทูตเยอรมันมาก เพราะถือว่าเป็นการแสดงถึงพระราชไมตรีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเลียมที่ 2 และต่อรัฐบาลเยอรมัน และครั้นเมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเลียมที่ 2 ทรงได้รับรายงานเกี่ยวกับพระราชพิธีนี้ ก็ได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อินทรีแดง ชั้น 1 แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารด้วยเช่นกัน
สำหรับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ก็ยิ่งทรงปีติยินดีในพระราชไมตรีนี้ของสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเลียมที่ 2 ถึงกับทรงมีพระราชหัตถเลขาไปยังกรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เป็นความว่า “พอจะอวดอังกฤษได้บ้าง...” ซึ่งก็สมดังที่ทรงคาดหมายไว้ เมื่ออัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงเทพฯ ได้รับทราบก็ได้รายงานเรื่องนี้ไปให้รัฐบาลอังกฤษทราบในทันที


