น้ำพริกป้าแว่น สินค้าชุมชนสู่โมเดิร์นเทรด
หากพูดถึงผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ นับว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย
โดย benchawanr
หากพูดถึงผู้ประกอบการ SME ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ นับว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย แต่กว่าจะกลายมาเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับเหล่า SME ก็ล้วนต้องต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคต่างๆ มากมาย
บังอร วันน้อย เจ้าของผลิตภัณฑ์ “น้ำพริกป้าแว่น” ที่ก่อนหน้านี้มีอาชีพทำไร่ทำนา แล้วพลิกชีวิตสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจน้ำพริก เล่าถึงที่มาของความสำเร็จที่ต้องฝ่าฟันกับปัญหานานัปการว่า แต่ก่อนใฝ่ฝันอยากขายของกับเซเว่น อีเลฟเว่น แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี ในตอนนั้นครอบครัวมีฐานะยากจนและต้องหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือถึง 3 คน กระทั่งวันหนึ่งมีคนบอกว่าเราทำอาหารอร่อย น่าจะขายอาหารได้ จึงเริ่มต้นทำน้ำพริกไปขายตามตลาด ขายทั้งวัน กำไรบ้างขาดทุนบ้าง แต่ด้วยความพยายามและไม่ย่อท้อ ทำให้มีลูกค้าประจำมากมาย เจ้าของตลาดจึงตั้งชื่อให้ว่า “น้ำพริกป้าแว่น”
หลังจากที่ขายในตลาดอยู่หลายปี วันหนึ่งมีโอกาสนำน้ำพริกมาขายในร้านเซเว่นฯ โดยมีทีมงานของเซเว่นฯ คอยให้ความรู้เรื่องมาตรฐานต่างๆ เริ่มจากการพัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน รวมไปถึงเรื่องคุณภาพของสินค้า มาดูแลให้คำแนะนำทุกๆ 3 เดือน เพื่อบอกให้พัฒนาแก้ไขในส่วนใดบ้าง ป้าใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะไม่มีเงินทุน ซึ่งเซเว่นฯ ให้ความช่วยเหลือมาตลอด ใช้เวลาทั้งหมด 2 ปี กับ 3 เดือน ในปี 2555 จึงได้เข้าไปขาย นั่นคือจุดเริ่มต้นในการสร้างรายได้มากมายให้กับธุรกิจน้ำพริก กระทั่งนำมาสู่การพัฒนาต่อยอดสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ด้วยการลองผิดลองถูก เป็นการนำเอาวัตถุดิบหลากหลาย มาสร้างสรรค์น้ำพริกให้มีความแตกต่างและคงความเป็นเอกลักษณ์ของสินค้า
“เริ่มจากการนำน้ำพริกแห้งเข้ามาวางขาย เช่น น้ำพริกตาแดง น้ำพริกนรกกุ้ง น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกทะเล และน้ำพริกเห็ดหอมเจ และตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา ได้เริ่มนำน้ำพริกสดเข้ามาขายในตู้แช่เย็นเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวของประเทศไทยที่ขายในร้านเซเว่นฯ โดยเริ่มจากน้ำพริกเจขายในช่วงเทศกาลกินเจ ตามมาด้วยน้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกปลาร้า และล่าสุด น้ำพริกปลาดุกฟู” ป้าแว่นเล่า
ไม่เพียงแค่การพัฒนาธุรกิจเท่านั้น แต่ธุรกิจน้ำพริกป้าแว่นยังได้ช่วยให้เกิดการจ้างงานจากคนในชุมชน มีการรับพนักงานสูงอายุเข้าทำงาน และให้การช่วยเหลือเกษตรกรชุมชน ด้วยการรับซื้อวัตถุดิบทางการเกษตร ได้แก่ พริกขี้หนู ข่า ตะไคร้ จากชุมชนใน อ.เกาะจันทร์ และอำเภอใกล้เคียงใน จ.ชลบุรี ทำให้ชุมชนมีช่องทางในการขายโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นการเสริมสร้างอาชีพให้กับชุมชนและเกษตรกรให้มีอาชีพ รายได้ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ที่โรงงานยังให้ความสำคัญในการดูแลพนักงานมาอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการให้ทีมงานทำงานอย่างมีความสุข ทุกเช้าก็จะให้ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมต่างๆ มีการจัดวันเกิดให้พนักงาน และทริปทัศนศึกษาประจำปี
ป้าแว่นยังบอกถึงเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจ “น้ำพริกป้าแว่น” ประสบความสำเร็จ คือ การใส่ใจในรสชาติความอร่อย มาตรฐานการผลิต วัตถุดิบคุณภาพ พร้อมกับความมุ่งมั่น และคาดว่าในปี 2561 จะเติบโตอีก 40%
บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ที่ผลิตสินค้ามีคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่นิยมจากประชาชนมาตลอด โดยบริษัทจะเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ SME เพื่อส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคผ่านร้านเซเว่นฯ ทั่วประเทศ และผ่านช่องทางของบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง โดยจำหน่ายสินค้าผ่านนิตยสารทเวนตี้โฟร์ แค็ตตาล็อก ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ และอี-คอมเมิร์ซ ปัจจุบันทั้งเซเว่น อีเลฟเว่น และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง ได้จัดจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอีรวมทั้งสิ้น 1 หมื่นรายการ และมีการพัฒนา SME ให้เจริญก้าวหน้าเพื่อเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง มีสินค้าเอสเอ็มอีที่จำหน่ายหลายประเภท โดยเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เช่น ผลไม้แปรรูป เครื่องดื่ม เบเกอรี่ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เป็นต้น ซึ่งสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของกลุ่มธุรกิจ SME จะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ช่วยให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” บัญญัติ กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่มีความต้องการนำสินค้ามาจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ เหมือนน้ำพริกป้าแว่น สามารถนำสินค้ามาเสนอได้ที่ เซเว่น อีเลฟเว่น และบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง หรือเว็บไซต์ www.cpall.co.th, www.7eleven.co.th และ www.24shopping.co.th


