เรื่องเล่าของซาไก (จบ)
25 ส.ค. 2554 ท่าน ผวจ.ตรัง ได้มอบบัตรประชาชนให้กับชนเผ่าซาไกกลุ่มคลองตง
โดย ถาวร หลีกภัย
25 ส.ค. 2554 ท่าน ผวจ.ตรัง ได้มอบบัตรประชาชนให้กับชนเผ่าซาไกกลุ่มคลองตง หมู่ 2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จำนวน 40 คน และดำเนินการตั้งนามสกุลให้ว่า “ศรีปะเหลียน” การทำบัตรประจำตัวประชาชนให้กับชนเผ่าซาไกในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ชนเผ่าซาไกได้มีเอกสารแสดงตัวและสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามสิทธิที่ควรได้รับจากราชการ
ชัย ศรีปะเหลียน เป็นซาไกอาวุโสที่ซาไกในหมู่บ้านนี้ให้ความเคารพนับถือ ชัยมีอัธยาศัยดี ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวของเขาเองและภรรยาที่ลานหน้าบ้านให้พวกเราได้รับฟัง ประกอบการเล่าเรื่อง ชัยได้เอาอุปกรณ์ที่ใช้ในการล่าสัตว์ มาสาธิตวิธีการใช้งานให้พวกเราได้ชมด้วย เครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการออกล่าสัตว์คือไม้ซาง หรือไม่ไผ่ลำเล็กๆ ที่มีปล้องยาว เชื่อมต่อปล้องด้วยยางเหนียวที่ได้จากการเผา
ไม้ยาง เป็นอาวุธที่เรียกว่า “กระบอกตุด” และซาไกก็มีความสามารถที่จะเป่าลูกดอกสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ
ชัยได้เล่าว่า วันหนึ่งเขาได้ออกล่าสัตว์พร้อมกับอาวุธคู่กายและเขาได้ปีนขึ้นไปแอบซ่อนอยู่บนคบไม้ คอยเวลาให้สัตว์เคราะห์ร้ายเดินผ่านมา บังเอิญวันนั้นมีพรานชาวบ้านได้ขึ้นมาล่าสัตว์บนเทือกเขาบรรทัด เมื่อพรานคนนี้เข้าใกล้ต้นไม้ที่ชัยแอบซุ่มอยู่ ก็เข้าใจว่าชัยเป็นลิงเป็นค่าง พรานชาวบ้านยิงชัยด้วยปืนไทยประดิษฐ์ กระสุนปรายที่มีลูกเหล็กเล็กๆ ผสมปนอยู่กับดินปืน ถูกเป้าหมายคือศีรษะของชัย จากนักล่ากลับกลายเป็นผู้ถูกล่าเสียเอง ชัยเล่าว่า เขายังพอมีสติอยู่ พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและอดกลั้นความโกรธแค้น เขาเกือบเป่าลูกดอกอาบยาพิษใส่นายพราน แต่ก็หักห้ามใจไว้ได้ ก็ต้องนับว่าชัยมีความอดกลั้นได้อย่างน่านับถือ ชัยคลำศีรษะพร้อมกับชี้ตำแหน่งบนศีรษะให้พวกเราดูว่าบนหัวของเขายังมีลูกเหล็กเล็กๆ หลงเหลืออยู่จนทุกวันนี้
อีกเรื่องที่ชัยได้เล่าต่อแบบไม่ต้องหยุดพัก เป็นเรื่องเกี่ยวกับเมียของเขาเอง ซาไกอยู่กันเป็นครอบครัวแบบผัวเดียวเมียเดียว โดยมีสามีเป็นใหญ่และเมียของชัยชื่อ หล้า ศรีปะเหลียน ขณะที่ชัยเล่าเรื่องของหล้าอยู่ ผมเห็นหล้านั่งอยู่ในกลุ่มผู้หญิงซาไกอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง และผมไม่ลืมไปทักทายและได้ขอถ่ายรูปหล้าในเวลาต่อมา
หล้าป่วยเป็นมะเร็งมดลูกอาการหนักมาก จนชุมชนซาไกคิดว่าหล้าคงไม่รอดแล้ว จึงช่วยกันหามหล้าจากบริเวณปากคลองบนเทือกเขาบรรทัด มาทิ้งหล้าไว้ที่บริเวณเชิงเขาที่เรียกว่า คลองตง ด้วยเหตุผลที่ว่าซาไกไม่อยากให้มีคนตายในบ้าน และหากเป็นสมัยก่อนเมื่ออยู่กันในทับในป่า หากมีคนตายซาไกก็จะต้องอพยพหาที่อยู่ใหม่
พ่อของหล้าหรือพ่อตาของชัย เป็นซาไกที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร ได้บอกให้ชัยพาหล้ากลับมา ชัยยังเล่าอีกว่า หล้าถูกหามไปทิ้งหลายครั้งหลายหน แต่เขาก็พาหล้ากลับมาทุกครั้งไป
ด้วยสรรพคุณของสมุนไพรที่พ่อของหล้าต้มให้ลูกสาวดื่ม ทำให้หล้ามีอาการดีขึ้นตามลำดับ จนหล้าสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามหล้าก็ยังต้องดื่มยาสมุนไพรอยู่จนทุกวันนี้
ท่านได้ฟังซาไกเล่าเรื่องของตัวเองแล้ว ลองฟังเรื่องเล่าของคนเมืองเล่าเรื่องของซาไกดูบ้าง ผู้เล่าไม่ใช่ใคร พี่กิจ หลีกภัย นายกองค์บริหารส่วนจังหวัดตรัง เป็นผู้เล่าเอง
ประมาณ 10 ปีที่แล้วมา มีการแข่งขันกีฬาประชาชนที่โรงเรียนหาดเลา ซึ่งอยู่บริเวณสามแยกหาดเลา ต.ปะเหลียน พี่กิจได้พบซาไกคนหนึ่งที่ลงมาจากเทือกเขาบรรทัดเพื่อเอาของป่ามาขายให้ชาวบ้าน พี่กิจได้ชวนซาไกคนนี้ไปชมการแข่งขันฟุตบอลด้วยกัน
ระหว่างที่การแข่งขันฟุตบอลดำเนินอยู่ ทั้งสองฝ่ายต่างต้องใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการแย่งชิงลูกฟุตบอลกัน ซาไกได้บอกกับพี่กิจว่า “ทำไมไม่ซื้อลูกยางให้ครบทุกคน เขาจะได้ไม่ต้องมาแย่งชิงกัน”
ความซื่อและการไม่รู้ในกฎกติกาของการแข่งขันฟุตบอล จึงไม่แปลกที่ทำให้ซาไกเข้าใจเป็นเช่นนั้นไปได้


