posttoday

ถามออเจ้า... ออกญาขุนเหล็กกระทำผิดจริงฤๅ? ลับ ลวง พราง การ ‘คอร์รัปชั่น’ แห่งอโยธยา (2)

28 เมษายน 2561

สัปดาห์ที่แล้วได้เขียนถึงโทษของการคอร์รัปชั่นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างไร

โดย กมลณิช สวัสดิ์พาณิชย์ นิติกรปฏิบัติการ กระทรวงการคลัง

สัปดาห์ที่แล้วได้เขียนถึงโทษของการคอร์รัปชั่นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างไร

สมัยกรุงศรีอยุธยา กฎหมายมีการบัญญัติชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นสมุด 3 เล่ม คือ พระตำรา (นาม ตำแหน่งและหน้าที่ราชการของขุนนาง) พระธรรมนูญ (กฎหมายและพระราชกฤษฎีกาของพระมหากษัตริย์ในอดีต) และพระราชกำหนด (กฎหมายและพระราชกฤษฎีกาครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง - ลาลูแบร์ใช้คำว่า “พระชนกนาถ” อันหมายถึงพระราชบิดาของสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งก็คือสมเด็จพระเจ้าปราสาททองนั่นเอง - และในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์เอง) กฎหมายทั้งสามเล่มแบ่งออกเป็น 27 ลักษณะ โดยได้รับการชำระใหม่เป็น “กฎหมายตราสามดวง” ในแผ่นดินรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี

ตามกฎหมาย ไม่มีขุนนางคนใดในสยามที่ได้ค่าจ้างแรงงาน พระเจ้าแผ่นดินเพียงพระราชทานที่อยู่อาศัย และเครื่องอุปโภค เช่น หีบทองคำหรือหีบเงิน ศาสตราวุธ เรือยาว สัตว์พาหนะ ข้าทาสบริวาร และที่ดิน สำหรับทำเรือกสวนไร่นา เป็นต้น แม้จะมีการพระราชทานบำเหน็จเป็นรางวัลหากถวายงานได้ถูกพระทัยและเบี้ยหวัดเงินปีแต่ก็เป็นเพียงครั้งคราวเท่านั้น

นอกจากนี้ ทรัพย์สมบัติที่ได้พระราชทานให้ เมื่อออกจากราชการก็ต้องคืนกลับเป็นของหลวง เมื่อเป็นเช่นนี้ รายได้สำคัญของขุนนางทั้งหลายก็คือการ “กินสินบาท คาดสินบน” นั่นเอง และการให้ของกำนัลนั้นก็กระทำกันอย่างไม่ปิดบัง ขุนนางผู้รับสินบนก็ไม่ได้รับโทษ แม้กระทั่งผู้พิพากษาตุลาการรับสินบนก็ไม่ปรากฏว่ามีความผิด เพราะไม่ถือว่า “ของกำนัล” เหล่านี้เป็นเหตุให้พิพากษาคดี ไม่เที่ยงธรรม

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากฎหมายตราสามดวงลักษณะ 20 “กฎมนเทียรบาล” อันเป็นกฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับการปกครองประเทศและความผิดต่อพระมหากษัตริย์ กำหนดว่า ขุนนางในทุกกรมกองต้องปฏิบัติตามรับสั่งของพระมหากษัตริย์ รวมถึงมีหน้าที่ต้องรายงานการปฏิบัติงานดังกล่าวให้ทรงทราบเป็นระยะด้วย

บทบัญญัติในส่วนนี้ลงรายละเอียดไปจนถึงกรณีขุนนางผู้ปฏิบัติงานเกิดล้มป่วย ต้องรายงานการล้มป่วยดังกล่าวต่อผู้บังคับบัญชา และต้องให้แพทย์มาตรวจอาการเพื่อรับรองอาการป่วยนั้นด้วย ถึงตรงนี้ แม่การะเกดอาจจะยกมือทาบอกแล้วอุทานดังๆ ว่า “ต้องมีใบรับรองแพทย์ ไปขอลางานกับขุนหลวงด้วย!”

โทษสำหรับผู้ที่ขัดรับสั่งของพระมหากษัตริย์นั้นมีบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า “ให้ลาออกจากราชการ” หากเป็นขุนนางตำแหน่งตั้งแต่ “หัวหมื่น” ลงไป ให้ผู้บังคับบัญชาเสนอการลงโทษที่เหมาะสมต่อพระมหากษัตริย์ได้

ในกรณีที่พระมหากษัตริย์กริ้วขุนนางคนใด และมีรับสั่งให้ลงพระราชอาญาด้วยพระอารมณ์ กฎหมายได้บัญญัติลดทอนอำนาจพระมหากษัตริย์เอาไว้อย่างรัดกุมว่า ขุนนางอื่นๆ ณที่นั้นจะต้องไม่ปฏิบัติตามรับสั่งที่เป็นไปด้วยพระอารมณ์นั้น หากฝ่าฝืน มีโทษถึงประหารชีวิต

เมื่อพิจารณาถึงข้อกฎหมายข้างต้น การลงพระราชอาญาออกญาขุนเหล็กจึงไม่น่าจะเป็นเพราะท่าน “คอร์รัปชั่น” หรือ “ฝ่าฝืนรับสั่ง” และยิ่งไม่น่าเกิดขึ้นจากการตัดสินพระทัยด้วยพระอารมณ์ของสมเด็จพระนารายณ์

อย่างไรก็ตาม มีกฎหมายอีกบทหนึ่งซึ่งเกี่ยวพันกับสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นก็คือ ความปลอดภัยของพระมหากษัตริย์ หรือเทียบเท่ากับความมั่นคงของประเทศในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว กฎหมายลักษณะนี้กำหนดห้ามขุนนาง ข้าราชการทั้งปวงไปมาหาสู่กัน นอกจากจะได้รับพระบรมราชานุญาต นอกจากนี้ขุนนางจะมาชุมนุมพร้อมกันได้ก็แต่ในงานวิวาห์หรืองานปลงศพเท่านั้น และเมื่อพูดคุยกัน ก็ต้องพูดคุยด้วยเสียงดังต่อหน้าบุคคลที่สาม

ท่านที่ติดตามชมละครบุพเพสันนิวาสอาจจะเห็นแล้วว่า เมื่อออกญาขุนเหล็กเจรจาเรื่องการสร้างป้อมและรับของกำนัลมานั้น ท่านเจรจาเพียงลำพังกับผู้มาขอพบในห้องที่ปิดมิดชิด ไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ซึ่งขัดต่อบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยความมั่นคงของประเทศ

ดังนั้น หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ท่านออกญาขุนเหล็กก็ไม่น่าจะต้องพระราชอาญาด้วยเหตุ “คอร์รัปชั่น” หรือ “ขัดรับสั่ง” แต่น่าจะด้วยเหตุเป็นภัยต่อความมั่นคงเสียมากกว่า

ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ตามบทบัญญัติกฎหมายเท่านั้น ส่วนการบังคับใช้กฎหมายจริงๆ ในสมัยอยุธยาจะเป็นอย่างไร คงต้องไปขอความรู้จากแม่การะเกดก่อนนะเจ้าคะ

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025