วัดไทย ๙๖๐ ซื้อที่ดินขยายพื้นที่วัด
การเดินทางไปแสวงบุญในดินแดนพุทธภูมิประเทศอินเดีย-เนปาล ปัญหาหนึ่งและเป็นปัญหาใหญ่ที่ก่อความทุกข์ความกังวลใจให้กับผู้แสวงบุญทุกคณะ
โดย วรธาร ทัดแก้ว
การเดินทางไปแสวงบุญในดินแดนพุทธภูมิประเทศอินเดีย-เนปาล ปัญหาหนึ่งและเป็นปัญหาใหญ่ที่ก่อความทุกข์ความกังวลใจให้กับผู้แสวงบุญทุกคณะ คือ เรื่องของการขับถ่าย ทั้งหนักและเบา หากใครคิดจะเข้าห้องน้ำตามปั๊มน้ำมันเหมือนอย่างบ้านเราเลิกคิดไปได้เลย เข้าไปต้องผงะ และจะไม่มีรถบัสคันไหนพาคณะเข้าปั๊มน้ำมันเพราะทั่วกันรู้ว่าดีมันไม่ใช่ แต่ที่ใช่กว่าของคณะผู้แสวงบุญ คือ ท้องทุ่งและข้างทางกลายเป็นสุขาธรรมชาติที่มีท้องฟ้าเป็นหลังคา ณ จุดเหมาะสมไกลจากบ้านคน แต่ลงไปแล้วอย่าได้มั่นใจ เลือกมุมไหนต้องตาดี ไม่อย่างนั้นอาจเจอดีเหยียบกับระเบิด (อุจจาระ) ที่ใครมาปล่อยไว้ก่อนหน้าก็เป็นได้
เรื่องขับถ่ายถือเป็นเรื่องใหญ่ของนักแสวงบุญหรือผู้ที่ไปเที่ยวอินเดีย ดังนั้นก่อนออกเดินทางจากที่พักไปเที่ยวที่ไหน แสวงบุญ ณ ที่ใด ทุกคนต้องทำกิจส่วนตัว โดยเฉพาะในเรื่องการขับถ่ายให้เรียบร้อย และสิ่งที่ต้องระวังอย่างหนัก คือ เรื่องอาหารการกิน ต้องกินอาหารสะอาดปรุงถูกหลักอนามัย ไม่อย่างนั้นหากเกิดท้องเสียขึ้นมาเป็นจบกัน
วัดไทยนวราชรัตนาราม ๙๖๐ หรือชื่อเดิมก่อนได้รับการยกฐานะมาเป็นวัด คือ “พุทธวิหาร สาลวโนทยาน ๙๖๐” ตั้งอยู่ที่รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย อยู่ห่างจากด่านเสาเนาลี ชายแดนอินเดีย-เนปาล ประมาณ 2 กม. เป็นวัดหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นอันเนื่องมาจากความเดือดร้อนในเรื่องการขับถ่ายหรือเรื่องห้องน้ำห้องสุขาเป็นเหตุ
ครั้งหนึ่ง เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้มีดำริในคราวที่ได้เดินทางมานมัสการสังเวชนียสถานทั้งสี่ ได้ปรารภกับ พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตสายอินเดีย-เปนาล ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระราช
รัตนรังษีและเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ว่าในที่ใกล้กับชายแดนอินเดียน่าจะทำที่พัก สร้างห้องน้ำ ทำเป็นที่พักริมทางสำหรับผู้แสวงบุญและสถานที่ถวายภัตตาหารพระสงฆ์ และเป็นที่บรรเทาทุกข์ให้กับผู้แสวงบุญทั้งไทยและนานาชาติเป็นการถาวร
จากคำปรารภของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์กับพระธรรมโพธิวงศ์ ก็นำมาสู่การสร้างวัดไทยนวราชรัตนาราม ๙๖๐ ในปี 2549 ในชื่อโครงการพุทธวิหาร สาลวโนทยาน ๙๖๐ โครงการที่พักดูแลชาวพุทธผู้แสวงบุญอินเดีย-เนปาล โดยเริ่มจากการซื้อที่ดิน 2 ไร่ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2549 และเริ่มลงมือก่อสร้างในวันที่ 12 ส.ค. 2549
พระครูปริยัติโพธิวิเทศ (พระมหา ดร.คมสรณ์ คุตฺตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดไทยสาวัตถีและโฆษกพระธรรมทูตสายอินเดีย-เนปาล กล่าวว่า จริงๆ แล้วตรงด่านเสาเนาลีค่อนข้างอ่อนไหว เพราะรัฐบาลอินเดียไม่ให้ทำกิจกรรมทางศาสนาเท่าไร และได้ออกกฎว่าด้วยศาสนสถานของศาสนาต่างๆ ห้ามสร้างใกล้ด่าน แต่พระธรรมทูตอินเดียได้อาศัยความสัมพันธ์อันดีต่อกันกับทางการอินเดียจึงสามารถทำได้ ขณะที่บทบาทของวัดไทยนวราชรัตนารามนั้นก็เน้นการดูแล อำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญและนักท่องเที่ยวนานาชาติทั่วไปเป็นหลัก
“การซื้อที่ดินสร้างวัดไทยนวราชรัตนาราม อาตมาได้รับมอบหมายจากพระธรรมโพธิวงศ์ (ขณะเป็นพระราชรัตนรังษี) ให้เป็นตัวแทนทำการซื้อกับเจ้าของที่ดิน ต้องบอกก่อนว่าการซื้อที่ดินของต่างชาติในอินเดียนั้นไม่สามารถซื้อส่วนตัวได้ ต้องทำในนามสมาคม ดังนั้นการซื้อที่ดิน 2 ไร่ เราก็ได้ซื้อในนามสมาคมวัดไทยกุสินารามหาวิหาร โซไซตี้ (1993) ซึ่งจดทะเบียนตามกฎหมายอินเดีย จากนั้นก็เริ่มสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในวันที่ 12 ส.ค. 2549”
โฆษกพระธรรมทูตอินเดีย-เนปาล กล่าวต่อว่า การก่อสร้างเริ่มจากการสร้างห้องน้ำห้องสุขา รวม 35 ห้อง สำหรับอุบาสิกา 20 ห้อง อุบาสก 10 ห้อง พระสงฆ์อีก 5 ห้องตามอัตราส่วนจำนวนผู้มาแสวงบุญ โดยมีปรัชญาเชิญชวนชาวพุทธทำบุญกับห้องน้ำนี้ว่า ทำบุญปลดทุกข์
เห็นสุขทันตา ปรากฏมีเจ้าศรัทธาร่วมสร้างเป็นอันมาก พร้อมกันนี้ยังมีมุมอินเดียน้อยให้ได้นั่งดื่มกาแฟอร่อย ชิมโรตีร้อนๆ ผสมนมข้น รวมทั้งช็อปปิ้งของที่ระลึก
“พุทธวิหาร สาลวโนทยาน ๙๖๐ จึงเป็นสวรรค์บนดินชายแดนอินเดีย-เนปาล สถานที่ปลดทุกข์เห็นสุขทันตา มีทั้งศาลาพักข้างทางของผู้แสวงบุญ ห้องน้ำ ห้องสุขา ที่จัดภัตตาหารถวายพระสงฆ์ระหว่างเดินทาง ศาลาอเนกประสงค์เป็นที่รับประทานอาหารแบบปิกนิก ที่พักดื่มน้ำชา กาแฟ คลินิก ตู้ยาพร้อม ปัจจุบันได้ยกฐานะขึ้นเป็นวัดไทยนวราชรัตนาราม ๙๖๐ หรือเรียกสั้นๆว่าวัดไทย ๙๖๐ เรียบร้อย”
เนื่องจากวัดไทย ๙๖๐ เป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญชาวพุทธจากทั่วโลก รวมทั้งนักท่องเที่ยวนานาชาติโดยแต่ละวันจะมีคณะผู้แสวงบุญทั้งจากประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ตลอดจนนักท่องเที่ยวเดินทางจากเนปาลข้ามมาอินเดีย และจากอินเดียเข้าไปประเทศเนปาลจะต้องแวะมาพักผ่อน เข้าห้องน้ำและใช้สถานที่ของวัดเป็นที่รับประทานอาหารจำนวนมาก ทางคณะพระธรรมทูตอินเดียซึ่งนำโดยพระธรรมโพธิวงศ์ จึงมีความพยายามซื้อที่ดินติดวัดเพิ่มเพื่อรองรับผู้แสวงบุญที่มากขึ้นทุกปี
“เรื่องซื้อที่ดินนั้นหลังจากซื้อ 2 ไร่ เพื่อสร้างในตอนแรกจากนั้นเราก็ทยอยซื้อเพิ่มทีละนิดละหน่อยสะสมเรื่อยมา และเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2561 ก็ได้ซื้อที่ดินขยายเพิ่มอีก 2 ไร่เศษ ด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนกัน โดยใช้ที่ดินที่ซื้อไว้อีกแปลงเมื่อก่อนหน้านี้เปลี่ยนกับที่ดินติดกำแพงวัดเพื่อให้ที่ดินเป็นผืนเดียวกัน ขณะนี้เนื้อที่โดยรวมของวัดไทย ๙๖๐ มีประมาณ 6 ไร่เศษ เพื่อขยายบริเวณพื้นที่ให้เพียงพอรองรับต่อจำนวนผู้เดินทางแสวงบุญที่มาใช้บริการเพิ่มมากขึ้้นทุกๆ ปี”
ถือเป็นการขับเคลื่อนงานพระธรรมทูตที่สำคัญของคณะพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ซึ่งนำโดย พระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูต และเจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ปัจจุบัน วัดไทยนวราชรัตนาราม ๙๖๐ มีพระครูสังฆรักษ์รังสิต ปัญญาเมธี เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ประสานงานและดูแลอำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญที่เดินทางมาจากทั่วโลก


