ตำนานไร้แชมป์มาสเตอร์ส?
หากจะบอกว่าศึกมาสเตอร์สปีนี้เป็นโอกาสดีที่สุดของ รอรี แม็คอิลรอย ที่จะเป็นนักกอล์ฟคนที่ 6
โดย นูโน่
หากจะบอกว่าศึกมาสเตอร์สปีนี้เป็นโอกาสดีที่สุดของ รอรี แม็คอิลรอย ที่จะเป็นนักกอล์ฟคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ที่กวาดแชมป์เมเจอร์ครบทุกรายการ ก็คงไม่ผิดนัก หลังได้ลงเล่นเป็นกลุ่มสุดท้ายกับ แพทริก รีด และตามแค่ช็อตเดียวในการออกสตาร์ท 2 หลุมแรก ก่อนความฝันจะสลายลงอีกครั้ง
“กลับมาอีกครั้งในปีหน้าและพยายามใหม่” แม็คอิลรอย กล่าวพร้อมเสริมว่า “ผมเล่น 2 กลุ่มสุดท้ายใน 7 ปีล่าสุด ผมจบท็อป 10 ถึง 5 ครั้ง ผมเล่นที่สนามนี้ได้ดี แต่ผมอาจจะเล่นไม่ดีพอในเวลาที่เหมาะสม”
แม้อดีตมือ 1 โลกชาวไอร์แลนด์เหนือจะจบท็อป 10 ถึง 5 ปีติดต่อกัน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ห่างจากแชมป์น้อยกว่า 6 ช็อต ขณะที่วุฒิภาวะก็โตขึ้นมาก เมื่อเทียบปี 2011 ซึ่งเขานำ 3 วันแรก ก่อนฟอร์มออกทะเลวันสุดท้าย ตี 80 จบอันดับ 15 ร่วม และจากมุมมองประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะบรรลุเป้าหมายหลังจากนี้
ในบรรดา 5 ตำนานที่กวาดแชมป์ครบทุกเมเจอร์ คือ แจ็ค นิคลอส,ไทเกอร์ วูดส์, แกรี เพลเยอร์, เบนโฮแกน และ ยีน ซาราเซน มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาคว้าเกียรติยศอะไรกัน เพราะโมเดิร์นเวอร์ชั่นของแกรนด์สแลมยังไม่ได้เริ่มขึ้นกระทั่ง อาร์โนลด์ พาลเมอร์ ริเริ่มความคิดในการกวาดแชมป์เมเจอร์ทั้ง 4 รายการ ในปี 1960
ไม่มีใครถาม ซาราเซน ถึงการกวาดทุกเมเจอร์ ตอนเขาคว้าแชมป์มาสเตอร์ส ปี 1935 ส่วน โฮแกน ฉลองชัยครบทุกเมเจอร์เมื่อปี 1953 ขณะที่ เพลเยอร์ ประสบความสำเร็จครบทุกรายการ ในปี 1965, นิคลอส (1966) และ วูดส์ (2000)
แต่สิ่งที่น่าคิดคือแต่ละคนอยู่ในช่วงอายุ 20 กว่าตอนกวาดครบทุกเมเจอร์ ขณะที่ แม็คอิลรอย จะครบ 29 ปี ในมาสเตอร์สปีหน้า
เพลเยอร์ ต้องเล่นถึง 24 เมเจอร์นับจากคว้าแชมป์ครั้งแรก (บริติช โอเพ่น 1959) จนกระทั่งฉลองครบทุกรายการที่ยูเอส โอเพ่น 1965 ส่วนนิคลอส ใช้เวลา 18 เมเจอร์ ระหว่างความสำเร็จในรายการแรก (ยูเอส โอเพ่น 1962) กับการทำสถิติซิวครบ ที่บริติช โอเพ่น 1966 ขณะที่ วูดส์ ใช้เวลาแค่ 15 เมเจอร์ ระหว่างครั้งแรกและครั้งที่คว้า 4 รายการครบ (มาสเตอร์ส 1997-บริติช โอเพ่น 2000)
แม็คอิลรอยเพิ่งจบการลงแข่งเมเจอร์ครั้งที่ 27 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น 2011 และจะเป็นเมเจอร์ที่ 31 เมื่อเขากลับมาเดอะ มาสเตอร์ส ในปีหน้า ด้าน จอร์แดน สปีธ ก็เป็นอีกคนที่รอเมเจอร์สุดท้าย เพื่อกวาดครบทุกรายการ โดยยังเหลือเพียงพีจีเอแชมเปี้ยนชิพ
“ไม่ว่าจะปีนี้หรือไม่ พวกเขาจะทำมันได้ พวกเขายังเหลือเวลาอีกมากมาย พวกเขาคว้าแชมป์เมเจอร์ได้เร็วมากในการเล่นอาชีพ ผมไม่ประสบความสำเร็จ (ในเมเจอร์) จนกระทั่งอายุ 33 และพวกเขายังไม่ใกล้วัยนั้น ดังนั้น พวกเขาจะทำได้ แต่ผมจำเป็นต้องทำให้ได้ในเร็วๆ นี้” ฟิล มิกเคลสัน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดร.จิโอ วาเลียนเต นักจิตวิทยาด้านกีฬา ซึ่งช่วย จัสติน โรส คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น 2013 เชื่อว่า แม็คอิลรอย จะถูกศึกมาสเตอร์ส หลอกหลอนไปอีกหลายปี หากยังไม่สามารถหาข้อบกพร่องด้านจิตใจที่นำไปสู่ 5 ชั่วโมง อันน่าอึดอัดที่ออกัสตา เนชั่นแนล
“ออกัสตา เนชั่นแนล จะลงโทษเอาได้หากคุณเล่นบุกเกินไป ดังนั้นจนกว่าเขาจะเริ่มเล่นแบบผู้ใหญ่มากขึ้น จนกว่า รอรี แม็คอิลรอย จะเรียนรู้วิธีการเล่นอย่างอดทนและมีแท็กติกมากขึ้น ผมไม่คิดว่าเขาจะคว้าแชมป์ที่ออกัสตา เขาต้องเรียนรู้ที่จะเล่นอย่าง แจ็ค นิคลอส ในช่วงประสบความสำเร็จ เล่นอย่างที่ ไทเกอร์ วูดส์ ทำ หรือแม้แต่แบบ จอร์แดน สปีธ เล่น คือ บริหารเกมของเขา มันไม่ใช่การขาดความเป็นผู้ใหญ่ในฐานะคนคนหนึ่ง แต่มันคือแนวทางการเล่นกอล์ฟ” นักจิตวิทยาคนดัง เผย
แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับอุปสรรคด้านจิตวิทยาที่ขวางทางเขาอยู่
“นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เพียงทำให้เขาผิดหวังในสัปดาห์นี้ แต่ในมาสเตอร์สที่ผ่านมา ผมเคยอยู่ในตำแหน่งนี้มาก่อน และทำไม่สำเร็จ เมื่อต้องการ และผมไม่คิดว่ายังมีอะไรต้องแก้ไขในเรื่องเกม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า และผมพยายามจะจัดการกับความกดดัน และความตื่นเต้นกับความสำเร็จที่อาจจะเกิดขึ้น ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่รั้งผมเอาไว้” แม็คอิลรอย กล่าว
จากตอนนี้ถึงปีหน้า คงต้องรอดูกันว่ายอดนักกอล์ฟจากไอร์แลนด์เหนือจะคลี่ปมเรื่องจิตวิทยาและล้างอาถรรพ์ในศึกมาสเตอร์สได้สำเร็จ หรือจะเพิ่มความกดดันและกลายเป็นตำนานผู้ไร้แชมป์มาสเตอร์สอีกคนในอนาคต


