สุสานโจโฉ อลเวง อลวน (2)
ในคราวที่แล้วเราพูดถึงความสมถะของสุสานโจโฉที่เอกสารร่วมยุคสามก๊กบันทึกไว้
ในคราวที่แล้วเราพูดถึงความสมถะของสุสานโจโฉที่เอกสารร่วมยุคสามก๊กบันทึกไว้ ซึ่งตรงกันข้ามกับเรื่องเล่ายุคหลังที่ลือกันว่าโจโฉเป็นคนเจ้าเล่ห์ ขี้ระแวง จนต้องปกปิดที่ซ่อนสุสานตัวเองด้วยวิธีแยบยล
แต่คนมันจะไม่ไว้ใจ ความสมถะก็กลายเป็นกลยุทธ์ที่โจโฉวางแผนไว้ให้สุสานของตนไม่น่าสนใจ ไม่น่าเข้าปล้น เพราะกลัวคนมาแก้แค้นและที่จริงสิ่งที่โจโฉสั่งเสียไว้ ก็ใช่ว่าจะต้องเป็นไปตามนั้น เพราะคนจัดการสุสานในท้ายที่สุดคือโจผี (บุตรผู้สืบตำแหน่งโจโฉ)
ก็ขนาดเหมาเจ๋อตงเขียนพินัยกรรมว่าให้เผาศพตนเอง สุดท้ายพรรคคอมมิวนิสต์ก็ให้คงสภาพศพไว้ภายในศาลากลางจัตุรัสเทียนอันเหมิน แต่จากบทไว้อาลัยของโจสิด (ลูกอีกคนของโจโฉ) ความ “สมถะ” น่าจะได้รับการปฏิบัติด้วยดีและหลังจากนั้นโจผียังบัญชาให้การฝังศพอย่างเรียบง่ายของโจโฉเป็นมาตรฐานสุสานเชื้อพระวงศ์และขุนนางแคว้นเว่ย
แต่ก็ใช่จะเรียบง่ายไปซะหมด ในบันทึกของหลู่จี (&&8470;&>6426;) หลานของลกซุน (เข้ารับราชการกับราชสำนักจิ้น หลังจากโจโฉตายประมาณ 40 ปี) บันทึกถึงคำสั่งเสียของโจโฉว่าทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน ให้ตั้งปะรำพิธีทางทิศตะวันตกของหอนกยูงทองแดง แล้วสั่งให้นางกำนัลร่ายรำหันหน้าไปสู่สุสานของโจโฉ (หวังว่าจะไม่มีใครเอาโจโฉไปเป็นบิดาของคลิปโคโยตี้หน้าฮวงซุ้ย)
ฉะนั้นจากบันทึกร่วมสมัยสุสานของโจโฉไม่ควรลึกลับ โดยมีจุดอ้างอิงสำคัญคือทิศตะวันตกของหอนกยูงทองแดงและใกล้ศาลซีเหมินเป้า (ศาลซีเหมินเป้าเคยสูญหายไป เพิ่งค้นพบในปี 1985) ทำให้สามารถจำกัดบริเวณคร่าวๆ ได้ว่าสุสานโจโฉน่าจะอยู่แถบใด ทำให้การค้นหามีเป้าหมายชัดขึ้น และในบริเวณนั้นยังได้พบจารึกที่อ้างอิงถึงสุสานเว่ยหวู่หวาง (ชื่อตำแหน่งของโจโฉ) เพิ่มเติม
จากชื่อเสียงโจโฉบวกตำนานความลึกลับของสุสานเกินจริง ชื่อชั้นของสุสานโจโฉในใจชาวจีนจึงเป็นรองเพียงแค่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เท่านั้น พูดถึงสุสานโจโฉทีไรเป็นอันหูผึ่งกันทั้งบางและแล้วในปี 2009 ฝันก็เป็นจริง ทางการประกาศค้นพบสุสานของโจโฉ
อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่าปกติทางการจีนไม่มีนโยบายขุดสุสาน ยกเว้นแต่มีเหตุจำเป็น ข้อมูลเรื่องตำแหน่งที่นักโบราณคดีหาไว้ จึงเตรียมพร้อมไว้เพื่อสันนิษฐานโดยไม่ต้องขุด หรือขุดเพียงเล็กน้อยแต่สุสานโจโฉก็หารอดจากมือโจรปล้นสุสานไม่ จากร่องรอยและการตรวจสภาพดิน สุสานโจโฉโดนขุดขโมยอยู่หลายหน และที่ส่วนกลางตัดสินใจให้ขุด ก็เพราะยังมีคนไปขโมยภาพสลักหินออกมาจากสุสานนักโบราณคดีจึงเริ่มขุดไปพร้อมประกาศข้อสันนิษฐาน... แต่หน่วยราชการท้องถิ่นเมืองอันหยางรีบขึ้นป้ายแล้วว่านี่คือโครงการ “สุสานโจโฉ!” และรีบตั้งสำนักงานเตรียมเก็บค่าเข้าชม 60 หยวนต่อคน!
แบรนด์โจโฉไม่ธรรมดา ย่อมนำความตื่นเต้นดีใจมาสู่ท้องถิ่นอย่างเข้าใจได้ แต่สาธารณชนเริ่มไม่เชื่อใจและตั้งคำถามว่านี่คือการโปรโมทของข้าราชการเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
ขณะที่ปลายปี 2009 ทั่วโลกรับรู้การค้นพบสุสานโจโฉไปหนึ่งระลอก แต่ภายในจีนกลับวุ่นวายไม่จบ คนที่เป็นกลางวิจารณ์ว่าเพราะหน่วยงานราชการใจร้อนรีบประกาศสรุปผลในเวลาอันสั้นเกินไป ทำไมไม่หาหลักฐานให้แน่นหนาก่อน
แต่ทีมขุดสำรวจตอบกลับว่า “ขั้นตอนทุกอย่าง เป็นไปตามระเบียบราชการที่เคยทำมาทั้งสิ้น” (และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหา)เห็นทีจะผิดพลาดก็เพราะการตีข่าว กับเพราะความดังและชื่อเสียงความเจ้าเล่ห์ของโจโฉ อ่อ แล้วยังมีความต้องสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอีกประเด็นเรื่องทางวิชาการ จึงกลายเป็นปัญหาเชิงการเมือง
ก็น่าเห็นใจอยู่ เพราะหากสุสานทหารดินเผาของจิ๋นซีเพิ่งค้นพบในยุคนี้ คงวุ่นวายไม่แพ้กัน โรงเรียนจีนสมัยนี้ไม่เรียบร้อยว่าง่ายเหมือนวันวานเรื่องของสุสานโจโฉ จึงวุ่นวาย อลเวง และคาราคาซัง ทีมโบราณคดีบอกว่าใช่ นักวิชาการจำนวนหนึ่งยังไงก็ไม่เชื่อ ส่วนโลกโซเชียลก็ยังระวังข้าราชการ ระแวงโจโฉกันต่อไป
นี่คือสิ่งสะท้อนยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวงในข่าวเล่าด้วยการเชื่อข่าวลือ และไม่เชื่อถือเสียงของนักวิชาการ
ผ่านมา 9 ปีการประกาศว่าค้นพบสุสานโจโฉเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2018 จึงถือเป็นการนำเสนอรายงานยืนยันอย่างเป็นทางการ (ห้ามบอกเหมือนคราวที่แล้วนะว่ารีบร้อน) และการเปิดเผยรายละเอียดครั้งนี้คือการปิดเคสโดยจะไม่มีการขุดค้นใหญ่โตอีกต่อไปเรื่องนี้เป็นแง่คิดได้ ว่าการทำขั้นตอนและตอบคำถามแบบราชการต้องระมัดระวังให้มากในยุคที่สังคมมีส่วนร่วมในการวิพากษ์วิจารณ์ในปรากฏการณ์ของสังคมได้ง่ายขึ้นและกว้างขวางขึ้นโดยเฉพาะกับสังคมที่ผู้คนไม่ไว้ใจในตัวข้าราชการ นักวิชาการ และโจโฉ


