posttoday

แก้จบปริญญาเตะฝุ่น

25 มีนาคม 2561

หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติออกมารายงานตัวเลขการว่างงานเดือน ก.พ. 2561

หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติออกมารายงานตัวเลขการว่างงานเดือน ก.พ. 2561 ว่ามีสูงถึง 4.91 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราว่างงาน 1.3% และเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 6.1 หมื่นคน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว นั้นถือเป็นสภาวะที่น่าห่วงใยยิ่ง

ทั้งนี้ ประเด็นที่น่าสนใจ คือ เมื่อแยกผู้ว่างงานตามระดับการศึกษา พบว่า มีผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาถึง 1.77 แสนคน ตามมาด้วยระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1.15 แสนคน มัธยมศึกษาตอนปลาย 1.03 แสนคน และต่ำกว่าระดับประถมศึกษา 1.9 หมื่นคน

ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการสำรวจเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ของปีที่ผ่านมา คือ กลุ่มผู้ว่างงานที่มีสัดส่วนมากที่สุด คือ สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาถึง 2.53 แสนคน หรือมากถึง 53% ของผู้ว่างงานทั้งหมด และหมายความว่า ผู้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามีความเสี่ยงที่จะตกงานมากกว่าผู้สำเร็จการศึกษาในระดับที่ต่ำกว่า

เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจในอดีต ก็จะพบว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะตัวเลขอัตราผู้เรียนจบปริญญาตรีในปี 2559 มีประมาณ 3 แสนคน ต้องว่างงานถึง 1.79 แสนคน

นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสะท้อนด้วยว่า มาตรการที่รัฐบาลโหมแคมเปญกระตุ้นให้ผู้ปกครองและเด็กล้างความเชื่อเรื่องจบชั้นมัธยมแล้วเรียนต่อระดับอุดมศึกษา หันไปเรียนต่อสายอาชีพที่จบมาแล้วมีงานรองรับยังไม่เข้าเป้ามากนัก

ที่ผ่านมา แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันตอกย้ำว่า นักเรียนมัธยมต้นในบรรดาประเทศที่เจริญแล้ว เช่น เยอรมนี ไต้หวัน หรือเกาหลี คำนึงถึงการเรียนเพื่อมีงานทำเป็นอันดับแรก ไม่ได้ยอมเป็นหนี้เป็นสินกู้เงินมาเรียนจบมาแล้วตกงาน พวกเขายอมทำงานก่อน แล้วค่อยกลับมาเรียนระดับสูงขึ้นๆ ภายหลัง แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้ทำให้ค่านิยมเรื่องเรียนปริญญาตรีลดลงเลย

กระทรวงศึกษาธิการเคยออกมาระบุว่า จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อวางแนวทางปรับเปลี่ยนการผลิตบัณฑิตจบใหม่ โดยระบุว่า ในปี 2560 จะสามารถส่งสัญญาณให้นักเรียนพิจารณาได้ว่า ควรเลือกเรียนสายใดที่เหมาะสมกับตลาดแรงงาน แต่แรงกระตุ้นดังกล่าวก็ไม่สามารถทำลายกำแพงอคติที่มีต่อการเรียนสายอาชีพได้

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมยังพบอีกว่า ก่อนหน้านี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของประเทศฉบับต่างๆ ไม่สอดคล้องกับแผนด้านการพัฒนาการศึกษา โดยไม่ได้พิจารณาถึงเนื้อหาของทิศทางจริงๆ การศึกษาจึงปรับตัวไม่ทันกับรอบของการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งยังต้องการแรงงานระดับล่าง แต่รัฐกลับผลิตคนที่มีการศึกษาระดับสูงเพิ่มขึ้นทุกปี

นอกจากนั้น ยังพบว่ารัฐการสนับสนุนด้านเงินกู้ยืมเรียนอย่างไม่มีเงื่อนไขกำกับที่ชัดเจน จนเกิดปัญหาเรียนจบแล้วไม่มีเงินใช้หนี้กู้ยืมเรียน จนยังพบได้จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี มีความพยายามในการแก้ปัญหาว่างงานด้วยการเปิดหลักสูตรฝึกอาชีพระยะสั้น แต่วิธีการดังกล่าวก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ในอนาคตอันใกล้นี้ โลกจะก้าวเข้าสู่ยุคจักรกลอัตโนมัติ การจ้างงานในหลายอาชีพจะยิ่งลดลงอีกหลายสาขา ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล สถาบันการศึกษาทุกระดับและผู้เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็กและเยาวชนต้องเร่งวางแผนรับมือกับวิกฤตแรงงานครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ประเด็นสำคัญคือ แรงงานในอนาคตต้องมีทักษะใหม่ที่ช่วยให้สามารถปรับตัวได้ โดยรัฐบาลจะต้องวางแผนในการแก้ปัญหาเรื่องการสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานให้เป็นระบบ ไม่อย่างนั้นอัตราการว่างงานของกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษาก็ลดลงได้ยาก และจะยิ่งทำให้ประเทศต้องประสบปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อาร์เซน่อล พบ วูล์ฟ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68