จากสุวรรณภูมิถึงทวารวดี-สยามและไทยแลนด์
พูดถึงตำราโบราณที่คนสมัยนี้ถูกหมิ่นว่าเหลวไหลเลอะเทอะ ถ้าอ่านกันดีๆ ก็ได้ดอกได้ผลมิใช่น้อยนะครับ
โดย กรกิจ ดิษฐาน
พูดถึงตำราโบราณที่คนสมัยนี้ถูกหมิ่นว่าเหลวไหลเลอะเทอะ ถ้าอ่านกันดีๆ ก็ได้ดอกได้ผลมิใช่น้อยนะครับ แต่แน่ล่ะ ถ้าอ่านด้วยอคติท่านก็จะได้แต่ความมืดมน ถ้าอ่านอย่างเชื่อโดยไม่ตรองท่านก็จะได้อวิชชาไปเป็นของแถม
ช่วงที่ขึ้นไปแสวงบุญทางเหนือ ผมอ่านตำนานพระเจ้าเลียบโลก ว่าด้วยการประดิษฐานพุทธศาสนาในล้านนา ช่วยให้เข้าใจสาระที่ซ่อนอยู่ในพุทธสถานสำคัญมากมาย แถมยังสนุกสนานเพลิดเพลินราวกับอ่านนิยายแฟนตาซีบวกกับไกด์บุ๊กยุคบุพกาล ตอนนี้ผมหันมาอ่าน ตำนานอุรังคธาตุ ว่าด้วยการประดิษฐานพุทธศาสนาในล้านช้าง ยิ่งสนุกเพลิดเพลินไม่แพ้กัน
มีอยู่อย่างหนึ่งที่สังเกตเห็นจากตำราทั้งสอง คือการเรียกนามดินแดนในแถบนี้ว่า สุวรรณภูมิ
ในพระเจ้าเลียบโลก เรียกชื่อเมืองคุ้นๆ 3 เมืองในแถบใต้ คือ เมืองสุวรรณภูมิ เมืองจัมปานคร และเมืองทวารวัตติ ผมคิดเล่นๆ ว่า จัมปานครจะหมายถึงอีสานใต้จากจำปาสักจนถึงอาณาจักรจามปาหรือเปล่า
ส่วนทวารวัตติ น่าจะหมายถึงทวารวดี เป็นสร้อยนามของเมืองโบราณในแถบที่ลุ่มภาคกลางสืบมาแต่โบราณ สืบมาถึงสมัยอยุธยาเพิ่งมาเลิกใช้เมื่อต้นรัตนโกสินทร์นี่เอง หมายความว่า เมืองไทยภาคกลางเราเรียกเมืองหลวงว่า ทวารวดีมาตลอดแต่ตอนนี้ลืมกันไปแล้ว
ตัวอย่างเช่นชื่อเดิมของอยุธยาคือ กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา
ส่วนชื่อเดิมเต็มๆ ของกรุงเทพคือ กรุงเทพบวรทวารวดีศรีอยุธยา
สุวรรณภูมิเป็นชื่อที่แย่งกันใช้ มอญก็ว่าเป็นเมืองสะเทิม คนสุพรรณก็ว่าเป็นของเขา อู่ทองก็เข้าเค้า พระเถระกับตำนานสำนักวัดบางแห่งเชื่อว่าเป็นเมืองคูบัว ราชบุรี หากจะสรุปแบบสมานฉันท์คงต้องบอกว่า เป็นไปได้ทั้งสิ้น เพราะมันน่าจะเป็นชื่ออาณาจักรหรือเครือจักรภพมิใช่เมืองเดี่ยว อาณาจักรนี้กินพื้นที่ที่ลุ่มภาคกลางไปถึงเมืองมอญ ดังนั้นเวลาจินตนาการตามอย่าไปหยุดที่เส้นเขตแดนนะครับ ให้มองทะลวงเทือกเขาตะนาวศรีไปเลย
ชื่อบ้านนามเมืองเหล่านี้บอกอะไรกับผมอย่างหนึ่ง คือการเรียกชื่อประเทศของเราในปัจจุบัน
สมัยก่อนเราเรียกบ้านเมืองทางใต้ว่า ทวารวดีกับสุวรรณภูมิ ชื่อแรกหมายถึงเมืองท่าปากน้ำ ชื่อสองหมายถึงแผ่นดินทอง ทั้งสองชื่อบ่งชี้ถึงเอกลักษณ์ของคนแถบนี้ ที่มักตั้งถิ่นใกล้น้ำ ชอบค้าขาย และอุดมสมบูรณ์
ต่อมาเราใช้คำว่า สยาม แล้วปัจจุบันเราใช้คำว่า เมืองไทย
คำว่า สยาม ประดักประเดิดเต็มทีเพราะเป็นชื่อที่เราไม่เคยใช้เรียกตัวเอง เพิ่งจะมาใช้ในช่วงกลางสมัยกรุงเทพฯ เป็นราชธานี แต่ชื่อนี้บางท่านชี้ว่า เหมาะสมกว่าชื่อ ประเทศไทย เพราะไม่แสดงถึงเชื้อชาติ แสดงถึงความเป็นกลางๆ ของประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติศาสนา ซึ่งจุดนี้ถ้ามองแบบผิวเผินผมก็ว่าน่าจะจริง แต่จริงๆ แล้วมันไม่จริง
ผมมานึกออกว่า ภาษามลายูทางใต้ หรือที่เรียกว่าภาษายาวี เรียกคนพุทธว่า ซีแย หรือ ซียัม ซึ่งแปร่งมาจาก สยาม คำนี้หมายถึงคนนับถือศาสนาพุทธ หรือคนไทยที่มิใช่มลายู เป็นคำกลางๆ ไม่ได้หมายความในทางลบ แต่จากตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า คำว่า สยาม ไม่ได้ปลอดจากเชื้อชาติแต่อย่างใด เพราะมันมีลักษณะของความเป็นชนชาติไทยเช่นกัน อาจจะหนักกว่าคำว่าไทยด้วยซ้ำ เพราะโยงกับศาสนาอย่างเห็นได้ชัด
คำว่า สยาม หรือ เซียม ในภาษาเขมรทุกวันนี้ก็มิได้มีความหมายที่ดีนัก ปัจจุบันนี้คนกัมพูชาเรียกคนจากประเทศไทยว่า ไทย แต่ถ้าใช้ในเชิงดูหมิ่นจะใช้คำว่า เซียม
ดังนั้น การรณรงค์ให้กลับไปใช้ชื่อประเทศสยามสมควรจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะความหมายของสยามได้แปรไปมากแล้ว
ส่วนคำว่า ไทย เริ่มตรงกันข้าม
แต่เดิมเวลาเราบอกกับชาวต่างชาติว่าบ้านเมืองภาคกลางเรียกว่าอย่างไร เรามีตัวเลือกอยู่ 2 ตัว คือ บอกชื่อเมืองหลวงในสังกัด เช่น ชาวทวารวดี ชาวอยุธยา อย่างคนเมียนมาแต่เดิมหาได้เรียกเราว่า โยเดีย อย่างเดียวไม่ เพราะยังเรียกเราว่า ชาวทวารวดี ด้วย ข้อนี้คนทราบกันน้อยมาก ซึ่งผมคาดว่าคนอยุธยาก็เรียกตัวเองแบบนี้
อีกอย่างก็คือบอกตัวเองว่า เป็นคน เมืองไทย คำนี้ในบันทึกของลาลูแบร์ก็ปรากฏในตำนานพระเจ้าเลียบโลกก็มี ใช้กันมายาวนานพอๆ กับสยาม
ต่อมา จอมพล ป. พิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อสนามเป็นประเทศไทย มีผู้คัดค้านว่าแสดงถึงเชื้อชาตินิยมเกินไป ซึ่งก็จริงในช่วงแรก แต่ตอนนี้ปรากฏว่า ไทยแลนด์ เริ่มกลายเป็นคำกลางๆ มากขึ้น คนไทยไม่ได้หมายความถึง คนเชื้อชาติไทยเท่านั้น แต่หมายถึงชาติอื่นๆ ด้วย เพียงแค่เติมสร้อยเชื้อชาติรองลงไป เช่น คนไทยเชื้อสายจีน เพียงเท่านั้นระดับความกระอักกระอ่วนก็เริ่มลดลง ปัจจุบันผมคิดว่าลดลงมาพอสมควรเลยทีเดียว
เว้นเสียแต่ชาวมลายูทาง 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งผมไม่เห็นด้วยกับการใช้คำว่า ไทยมุสลิม ซึ่งตีขลุมและผิดเพี้ยน เพราะมุสลิมในไทยมีตั้งหลายชาติพันธุ์ ทั้ง จาม มลายู ปาทาน ฮ่อ และอีกมากมาย
หากใช้คำว่า คนไทยเชื้อสายมลายู น่าจะเข้าท่ากว่า แต่หากเป็น คนสยามเชื้อสายมลายู แล้วผมว่าออกจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย เพราะคนท้องถิ่นอาจรู้สึกแปลกๆ กลายเป็น ซีแยนายู ที่ไม่รู้ว่านับถือศาสนาอะไรกันแน่
เรื่องนี้ซับซ้อนเกินกว่าจะจบลงที่บรรทัดนี้ แต่หากจะขมวดตอนจบแบบขวานผ่าซาก ผมคิดว่า หากเห็นสยามไม่เหมาะ ไทยไม่เหมาะ เห็นทีคงต้องกลับไปใช้คำที่กลางจริงๆ อย่าง สุวรรณภูมิ หรือ ทวารวดี กันแล้ว


