posttoday

3 เหตุผลที่ทุกคนต้องเตรียมตัวเกษียณ

24 กุมภาพันธ์ 2561

ก่อนอื่นเลยกัปตัน ก.ล.ต. ขอฝากเนื้อฝากตัวกับผู้อ่านทุกท่านพร้อมคอลัมน์ใหม่ถอดด้าม "เกษียณแฮปปี้ PVD ช่วยได้" ซึ่งกัปตันก็จะมาแบ่งปันแนวคิดในเรื่องการจัดการเงินเพื่อให้มีเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในวัยเกษียณผ่าน "PVD : Provident Fund" หรือที่คุ้นหูกันในชื่อแบบไทยๆ ว่า "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" ซึ่งเป็นสวัสดิการสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สำคัญนั่นเอง

ก่อนอื่นเลยกัปตัน ก.ล.ต. ขอฝากเนื้อฝากตัวกับผู้อ่านทุกท่านพร้อมคอลัมน์ใหม่ถอดด้าม "เกษียณแฮปปี้ PVD ช่วยได้" ซึ่งกัปตันก็จะมาแบ่งปันแนวคิดในเรื่องการจัดการเงินเพื่อให้มีเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในวัยเกษียณผ่าน "PVD : Provident Fund" หรือที่คุ้นหูกันในชื่อแบบไทยๆ ว่า "กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" ซึ่งเป็นสวัสดิการสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สำคัญนั่นเอง

คีย์เวิร์ดที่สำคัญจากย่อหน้าที่แล้วก็คือ "จัดการเงินให้เพียงพอสำหรับวัยเกษียณ" ซึ่งหลายคนอาจมีคำถามว่ามันสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรือ ดูจริงจังเกินไปกับชีวิตหรือเปล่า แค่ทำงานหารายได้เพื่อไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ใช้แล้วเหลือก็เอาไปเก็บออมฝากธนาคารไว้ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ ไม่พอก็หารายได้เพิ่ม อีกตั้งนานกว่าจะเกษียณ จะรีบกังวลไปทำไม ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกตั้งนาน จบป่ะ?

จบครับ...จบเห่แน่ๆ ใครที่คิดแบบนี้ กัปตันขอแสดงความเสียใจล่วงหน้าเลยล่ะครับ อันนี้ไม่ได้แช่ง แค่เตือนเอาไว้ ทำไมต้องจัดการเงินสำหรับเกษียณ คุณอาจจะเคยได้ยินประโยคที่ว่า "เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต" แต่ฟังมาไม่หมด แล้วมาพูดต่อๆ กันไปเรื่อยจนเข้าใจผิด ผมขอนำประโยคเต็มๆ มาให้ชมกัน ซึ่งมิสเตอร์เอิร์น วิลซัน คอลัมนิสต์ชื่อดังชาวอเมริกันได้เคยกล่าวไว้ว่า "Always remember money isn't everything, but make sure that you've made enough of it before talking such nonsense!" ซึ่งแปลเป็นไทยได้ใจความว่า "เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่ก่อนจะพูดอะไรแบบนั้นได้ มั่นใจเสียก่อนนะว่ามีเงินเพียงพอ"

การเกษียณก็เช่นเดียวกัน จะบอกว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างสำหรับชีวิตในวัยเกษียณก็ได้ เพราะยังมีเรื่องอะไรอีกตั้งมากให้ต้องวางแผน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ อาหารการกิน จิตใจ ลูกหลาน จิปาถะ แต่สังเกตดีๆ จะพบว่าถ้าขาดเงินแล้ว ละก็ เรื่องอื่นแทบไม่ต้องวางแผนเลย เพราะถึงอย่างไรก็ทำไม่ได้ ทุกอย่างติดขัดหมดแน่นอน ดังนั้นการ "จัดการเงินเป็น" เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับใช้จ่ายทั้งชีวิตจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนจริงๆ เพราะ 3 เหตุผลดังต่อไปนี้

1.คนมีแนวโน้มที่ต้องดูแลตัวเองยามเกษียณมากขึ้นครอบครัวตามอุดมคติแบบไทยแท้ดั้งเดิมเลยคือ "ครอบครัวขยาย" ที่อยู่กัน ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ลูก หลาน พร้อมหน้าพร้อมตา แต่ละคนก็ทำหน้าที่ตามบทบาทของตัวเองไป พอบั้นปลายหลังเกษียณก็อยู่บ้านเลี้ยงหลานให้ลูกๆ ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายจนถึงวันที่เราจากโลกนี้ไปอย่างหมดห่วง...โลกสวยที่สุด

แต่ในปัจจุบัน สังคมไทยเปลี่ยนไปเยอะมาก ครอบครัวมีขนาดเล็กลง มีลักษณะแบบครอบครัวเดี่ยวที่แยกออกมาอยู่กันต่างหากพ่อแม่ลูก พอลูกโตก็แยกออกไปมีชีวิตของตัวเอง หลายคู่ก็อยู่แบบไม่มีลูก ต้องคอยดูแลกันและกันยามแก่เฒ่า และมีอีกไม่น้อยที่ใช้ชีวิตคนเดียวแบบโสดๆ ทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจก็ตาม

ประกอบกับสังคมไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Aging Society จากตัวเลขของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย และสถาบันวิจัยประชากร มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ในปี 2574 ประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ หรือ Aged Society นั่นคือจำนวนประชากรผู้สูงอายุจะมีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้สูงอายุจำนวนมากก็จะต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งพิงตัวเองเป็นหลัก

2.อายุขัยเฉลี่ยของคนมากขึ้น ณ วันเกษียณ ซึ่งบริษัทบางแห่งก็กำหนดไว้ที่อายุ 55 ปี บางแห่งก็ 60 ปี รายได้หลักของเราที่ได้รับเป็นประจำทุกเดือนก็จะหายไป ในขณะที่รายจ่ายสำหรับดำรงชีวิตยังคงมีอยู่ ซึ่งหากเราไม่ได้เตรียมเงินไว้อย่างเพียงพอแล้วละก็สลดแน่ๆ เหมือนคำคมที่เคยมีคนว่าเอาไว้ "ที่สุดแห่งความเสียดาย คือตายไปแล้วใช้เงินไม่หมด...ที่สุดแห่งความสลด คือใช้เงินหมด แล้วยังไม่ตาย"

ดังนั้น เงินที่เราสะสมเอาไว้จึงต้องพอใช้ตั้งแต่วันเกษียณจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนไทยอยู่ที่ประมาณ 80 ปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านสาธารณสุข หมายความว่าหลังจากวันเกษียณเราต้องเตรียมเงินสำหรับใช้จ่ายไว้อย่างน้อยจนกระทั่งอายุ 80 ปี ถ้าเราเกษียณที่อายุ 55 ปี ก็ต้องมีเงินใช้อีกอย่างน้อย 25 ปี หรือถ้าเกษียณที่ 60 ปี ก็อย่างน้อย 20 ปี ถ้าใครสุขภาพแข็งแรง ดูแลตัวเองมาอย่างดี อาจจะมีอายุมากกว่านี้ไปอีก นี่ขนาดยังไม่ได้พูดถึงจำนวนเงินนะครับ แค่นี้ก็ตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นๆ นะครับ เพราะมีผลการวิจัยพบว่า การดำรงชีวิตได้อย่างความสุขในวัยเกษียณจะต้องมีเงินเกือบ 3 ล้านบาท เอาละครับ คราวนี้คำถามยอดฮิตก็มาเลย แล้วเรามีเพียงพอกันหรือยัง? มาลองประเมินเบื้องต้นกันก่อนดีกว่าครับว่า เราควรจะมีเงินไว้ใช้เท่าไรตอนเกษียณ ลองเข้าไปใช้เครื่องมือการคำนวณที่ www.จัดการเงินเป็น.com/retirement/ กันดูนะครับ

3.เงินเฟ้อ พูดภาษาบ้านๆ เลยก็คือของแพงขึ้นทุกปี ยกตัวอย่างชัดๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยว ตอนปี 2500 ราคาชามละ 50 สตางค์ 1 บาท มาปี 2535 ก็ประมาณชามละ 20 บาท พิเศษ 25 บาท มาปัจจุบันนี่ เจอชามละ 40 บาท ถือว่าราคาถูกมากแล้วนะครับ คราวนี้ลองนึกดูว่า ณ วันที่เราเกษียณ ราคาก๋วยเตี๋ยวจะพุ่งไปที่เท่าไร แล้วค่าใช้จ่ายอื่นๆ ล่ะ ไม่ว่าจะค่ากิน ค่าอยู่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าน้ำ ค่าไฟ สารพัดสารพัน คือสมมติถ้าปัจจุบันคุณนึกไว้แล้วว่าจะใช้จ่ายในวัยเกษียณเดือนละ 1.5 หมื่นบาท พอ 30 ปีผ่านไปถึงวันที่เราเกษียณจริงๆ มันต้องมากกว่าที่คิดไว้แน่นอน

จาก 3 เหตุผลข้างต้น น่าจะพอบอกได้แล้วนะครับว่าทำไมต้องจัดการเงินสำหรับเกษียณ จะเป็นคนแก่ที่มีความสุขหรือจะทุกข์จนกว่าจะตาย คุณวางแผนได้ตั้งแต่วันนี้ เวลาเดินไวนะครับ กัปตันขอบอก เกษียณแฮปปี้ PVD ช่วยได้...ง่ายๆ แค่ "ออมเต็มพิกัด จัดแผนเป็น เห็นเงินพอ" ติดตามเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ PVD ได้ที่ www.ThaiPVD.com / FB : ออมสนุก สุขเกษียณ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68