posttoday

ลอกคราบเทพทันใจ

22 กุมภาพันธ์ 2561

กรกิจ ดิษฐานเมื่อวานเขียนเรื่องหลวงพ่ออุตตมะไป นึกขึ้นได้ว่าตอนไปรัฐมอญบ้านเกิดของหลวงพ่อ ผมเกิดความสงสัยอย่างหนึ่ง คือพม่ารามัญมีพุทธสถานมากมาย คนพม่านิยมเดินทางแสวงบุญกัน อย่างในแผ่นดินมอญมี ชเวดากอง มีพระธาตุมุเตา และไจ้ทีโย แต่คนไทยไม่ชอบไปแสวงหาพระเจ้า มักชอบไปไหว้นัต ซึ่งเป็นผี หรือเทวดาชั้นล่าง ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของพม่า แต่นับถือกันเหนียวแน่นมาก พระเจ้าอนิรุธเคยคิดจะกวาดล้างยังทำไม่สำเร็จต้องปล่อยเลยตามเลย แค่จัดระเบียบนิดหน่อย ศาสนาพุทธในพม่าจึงผสมผีอย่างเป็นทางการ (ผิดกับไทยที่ผสมผีแต่ไม่ยอมรับกัน)

กรกิจ ดิษฐาน

เมื่อวานเขียนเรื่องหลวงพ่ออุตตมะไป นึกขึ้นได้ว่าตอนไปรัฐมอญบ้านเกิดของหลวงพ่อ ผมเกิดความสงสัยอย่างหนึ่ง คือพม่ารามัญมีพุทธสถานมากมาย คนพม่านิยมเดินทางแสวงบุญกัน อย่างในแผ่นดินมอญมี ชเวดากอง มีพระธาตุมุเตา และไจ้ทีโย แต่คนไทยไม่ชอบไปแสวงหาพระเจ้า มักชอบไปไหว้นัต ซึ่งเป็นผี หรือเทวดาชั้นล่าง ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของพม่า แต่นับถือกันเหนียวแน่นมาก พระเจ้าอนิรุธเคยคิดจะกวาดล้างยังทำไม่สำเร็จต้องปล่อยเลยตามเลย แค่จัดระเบียบนิดหน่อย ศาสนาพุทธในพม่าจึงผสมผีอย่างเป็นทางการ (ผิดกับไทยที่ผสมผีแต่ไม่ยอมรับกัน)

ใครมาพม่าจะสังเกตเห็นศาลนัตเต็มไปหมดแม้แต่ในวัด เวลาทุกข์ร้อนเรื่องทางโลกคนพม่าจะบนบานกับนัต หรือไปปรึกษาคนทรงนัต (นัตกะด่อ) แต่เวลาจะแสวงหาวิมุตติสุขเขาจะเข้าวัดวิปัสสนากัน คนทรงนัตบางคนบอกว่า เขาช่วยเรื่องทางโลกได้ แต่สุขแท้จริงคือนิพพานต้องเข้าหาธรรมกันเอง นับว่าสอนดีกว่าคนทรงผีบ้านเราอีก อีกทั้งคนพุทธพม่าที่เคร่งครัดมากๆ ยัง ไม่แยแสนัตเอาเลย ซ้ำดูถูกอีกต่างหาก

จึงน่าแปลกทัวร์ไทยมักแสวงหาโลกียสุขจากนัต แทนที่จะไปแสวงหาธรรมที่พม่า (ซึ่งเขาสนับสนุนเรื่องนี้มากถึงกับมีวีซ่าประเภทเข้ามาวิปัสสนาโดยเฉพาะ)

นัตมีมากมายหลายตน หลักๆ ในทำเนียบทางการมี 37 ตน ส่วนใหญ่เป็นผีตายโหงและเป็นคนมีอำนาจราชศักดิ์ เมื่อตายไปจึงเป็นผีมีมหิธานุภาพ คนจึงบนบานกราบไหว้ แต่นอกจาก 37 ตนนี้ยังมีนัตนอกทำเนียบอีกเพียบ เช่น โบโบจี หรือโบโบยี หรือเทพทันใจ ที่คนไทยชอบไปไหว้ขอให้รวยกัน โดยเฉพาะที่เจดีย์โบตาถ่อง

ที่จริงแล้วโบโบจี หมายถึงพ่อปู่ ไม่ได้แปลว่าเทพทันใจ และมีหลายตน อย่างที่เจดีย์โบตาถ่อง เป็นผู้พิทักษ์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุ คนพม่าเชื่อว่าขออะไรจะสมปรารถนาทันใจ ในศาลโบโบจีแห่งนี้ยังมีรูปพระอินทร์ (ตะจามิน) บางตำนานว่าจำแลงองค์มาเป็นพ่อปู่ มาชี้จุดที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ อีกด้านหนึ่งเป็นรูปพระสรัสวดีแต่ก่อนคนไหว้ขอเรื่องการศึกษาเล่าเรียน

โบโบจี ที่โบตาถ่องเมื่อก่อนไม่ป๊อปปูลาร์ เหมือนตอนนี้ เพราะในย่างกุ้งมีศาลโบโบจี ไม่น้อยกว่า 10 แห่ง และที่คนนิยมไปไหว้กันคือศาลพ่อปู่ที่เจดีย์สุเล เพราะเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเกี่ยวพันกับตำนานตั้งพระศาสนา คือ เป็นภุมเทวดารักษาเขาสุเล ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในหมู่เทวดาจึงเป็นองค์เดียวที่ทราบว่าพระเกศาธาตุประดิษฐานตรงไหน ท่านจึงชี้จุดประดิษฐานคือดอยสิงคุตตระ ทำให้มีการสร้างเจดีย์สุเล และพระเจดีย์ชเวดากอง (เจดีย์ดอยสิงคุตตระ) ในเวลาต่อมา

เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น (ซึ่งมีบันทึกในคัมภีร์พระเจ้าเลียบโลก) ทางพม่าจึงสร้างรูปภุมเทวดารักษาเขาสุเล ไว้ที่เจดีย์สุเล เจดีย์ชเวดากอง และเจดีย์โบตาถ่อง โดยเป็นรูปเทพยดาชี้นิ้วไปที่ดอยสิงคุตตระ

ที่ด้านนอกเจดีย์โบตาถ่อง มีศาลอะมา ดอเมียะ (พี่สาว) หรือเทพกระซิบ ซึ่งไม่ใช่นางนาคที่ถือศีลไม่กินเนื้อจนตาย แต่เป็นรูปแทนผีเจ้าหญิงเชื้อสายไทใหญ่ เป็นคนเมืองโมก๊ก คนเรียกกันว่า เมี๊ยะนานหน่วย เป็นคนศรัทธาในพุทธศาสนาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ยอมเล่นกับเด็กคนอื่นเอาแต่นั่งสมาธิภาวนา ต่อมามีพ่อปู่มาเข้าฝันให้ไปอยู่ย่างกุ้ง คอยปรนนิบัติพระเจดีย์โบตาถ่อง ถวายทรัพย์สินอัญมณีมากมาย และเพิ่งตายไปเมื่อ 60 กว่าปีก่อน รูปปั้นนี้ญาติของเมี๊ยะนานหน่วยมาสร้างไว้ แต่คนพม่าเชื่อว่าเป็นนัตที่ช่วยให้สมปรารถนาได้ ต่อมาๆ ยังลือกันว่านัตตนนี้ไม่ชอบให้คนรบกวน (คงเพราะชอบนั่งสมาธิมาตั้งแต่ชาติก่อน) ใครขออะไรจึงต้องมากระซิบเบาๆ ตอนหลังถึงขนาดมากระซิบข้างหูกันเลย

เมื่อหลายปีก่อน อะมาดอเมียะถูกจับใส่กุญแจมือทุกคืนเวลา 3 ทุ่มถึง 6 โมงเข้า ลือกันว่าคนที่สั่งให้ใส่กุญแจมือนัตตนนี้คือนายพลตานฉ่วย อดีตผู้นำสูงสุดของพม่า เพราะอะมา ดอเมียะมาเข้าฝันสั่งให้นายพลเลิกกดขี่ประชาชน ซึ่งนอกจากนายพลจะไม่เชื่อแล้วยังคิดว่าผีนัตตนนี้เข้าข้างหรือคอยช่วยอองซานซูจี จึงจับใส่กุญแจมือเสีย แต่ไม่รู้เพราะความเฮี้ยนหรืออะไรไม่ทราบ ในปีเดียวกันนั้น ตานฉ่วย สิ้นอำนาจ และซูจีพ้นจากการควบคุมตัว พม่าเริ่มเปิดประเทศหลังจากนั้นไม่นาน

กลับมาที่เทพทันใจ โบโบจี หรือพ่อปู่มีหลายตนครับ เรียกว่าน่าจะมีแทบทุกวัดสำคัญก็ได้ แม้แต่ริมถนนหนทางก็มี แต่ละศาลก็เชี่ยวชาญการให้พรต่างกัน เช่น โบโบจี ที่หมู่บ้านชเว ญองบิน คนมักไปขอพรให้พ่อปู่ช่วยเจิมรถ หรือผู้หญิงที่ไม่มีลูกก็ไปไหว้ขอ ซึ่งก็เหมือนศาลที่เจดีย์โบตาถ่อง คือเพิ่งสร้างประมาณ 70-80 ปีมานี้เอง ตอนแรกคนสร้างศาลตั้งศาลใต้ต้นไทรริมถนน เพราะเป็นธรรมเนียมพม่าที่มักตั้งศาลนัตใต้ต้นไม้ใหญ่ให้รุกขเทวดาสถิต เหมือนคนไทยตั้งศาลเพียงตาฉะนั้น เผอิญมีคนถามเจ้าของศาลว่าผีในศาลนี้มีดีตรงไหน เจ้าของเลยตอบๆ ไปว่า คงจะช่วยให้รถรา (สมัยนั้นใช้เกวียน) เดินทางสะดวกนั่นแหละเพราะศาลอยู่ริมถนน นับแต่นั้นคนก็เริ่มบอกกันปากต่อปาก จนศาลโบโบจี ที่หมู่บ้านชเวญองบิน กลายเป็นที่เจิมรถยอดนิยมไป

ในเมืองไทยผมเห็นเริ่มบูชาโบโบจีกันมากโดยไม่ทราบที่มาที่ไป ทางพม่าว่าแต่งตำนานจนวุ่นวายแล้ว ในไทยยังแต่งนิทานเติมเข้าไปอีกลัทธิบูชาผีสางเทวดาบ้านเราพัฒนาไปไกลจริงๆ แม้แต่วัดพุทธดังๆ บางวัดยังคล้อยตามลัทธินี้

อย่างที่คนทรงนัต หรือนัตกะด่อ คนหนึ่งว่าไว้ครับ ขอพรจากนัตจากผีก็ได้แค่สุขทางโลก ประเดี๋ยวประด๋าวก็หมดไป แต่หากปฏิบัติธรรมจะได้สุขโลกุตระ คือนิพพาน เป็นบรมสุข n

ข่าวล่าสุด

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer