ลีสซิ่งกสิกรไทยผนึกแบงก์
ลีสซิ่งกสิกรไทย เน้นตลาดเชิงรุก จับมือแบงก์แม่เจาะลูกค้าบุคคล และองค์กร
ลีสซิ่งกสิกรไทย เน้นตลาดเชิงรุก จับมือแบงก์แม่เจาะลูกค้าบุคคล และองค์กร
นายศาศวัต วีระปรีย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาดเชิงรุกให้มากขึ้น โดยชูจุดแข็งด้านการขยายฐานลูกค้าร่วมกับธนาคารกสิกรไทยทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลและธุรกิจ ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์หรือดิจิทัลและกระบวนการภายใน เพื่อสามารถวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในเชิงลึก และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้อย่างตรงจุด ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการสินเชื่อ การอนุมัติสินเชื่อ และบริการหลังการขายอย่างครบวงจร
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่จะศึกษาข้อมูลสินเชื่อออนไลน์ก่อนเลือกรถที่โชว์รูมหรือสมัครใช้บริการ ขณะเดียวกันการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์หรือดิจิทัล ยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตของสินเชื่อรถทุกประเภทให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อรถช่วยได้กสิกรไทย ที่เป็นสินเชื่อเพื่อลูกค้าที่มีรถยนต์และต้องการเงินทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่องทางการเงิน จากความสะดวกในการเข้าตรวจสอบวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น ความสามารถในการผ่อนชำระ และค่างวดผ่อนต่อเดือนที่แน่นอน
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการสมัครบริการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ ขอสินเชื่อเบื้องต้นสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ยังคงมุ่งเน้นไปยังกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตในปีนี้ และผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ในการทำการตลาดร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไร 1,080 ล้านบาท เติบโต 31.69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปล่อยสินเชื่อได้ 84,929 ล้านบาท เติบโต 6.47% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่ง และสินเชื่อจำนำเล่มทะเบียน 40,025 ล้านบาท เติบโต 8.15% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 44,905 ล้านบาท เติบโต 5.01%
นายศาศวัต กล่าวว่า ส่วนยอดสินเชื่อ คงค้างมียอดรวม 97,055 ล้านบาท เติบโต 7.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล อยู่ที่ 1.52%
สำหรับแนวโน้มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวเป็นบวกในอัตราที่ชะลอลงมาที่ระดับประมาณ 5.5% เป็นแตะ 1 ล้านล้านบาท หลังจากในปี 2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.99% หรือคิดเป็น 9.5 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกหลักจากตลาดรถใหม่ที่คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง
อย่างไรก็ตาม สถาบันการเงินยังมีแนวนโยบายด้านมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น ขณะที่แนวโน้มเอ็นพีแอลของสินเชื่อเช่าซื้อเริ่มมีสัญญาณทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 ปีติดกัน (2555-2557) โดยมีทิศทางที่ชะลอลงมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งในปีนี้คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ประมาณ 9 แสนคัน


