posttoday

จังหวะคัดหุ้นสุขภาพดี

08 กุมภาพันธ์ 2561

หุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะเลือกหุ้นที่เหมาะสมกับมูลค่าพื้นฐานบริษัทหรือมีสุขภาพดีต่อการลงทุน

โดย...บงกชรัตน์ สร้อยทอง

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กับพันธมิตรร่วมแถลงข่าวถึงภาวะการลงทุนตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา และดัชนีสะท้อนภาพการลงทุน ว่ายังอยู่ในระดับร้อนแรงและเป้าหมายดัชนีของนักวิเคราะห์ในสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม แม้ว่าล่าสุดดัชนียังลดลง 2.99 จุด หรือ 0.17% มาปิดที่ 1,785.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 73,870 ล้านบาท โดยต่างชาติยังขายหนัก 3,537 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ขายออก 1,880 ล้านบาท เป็นจังหวะดีในการคัดเลือกหุ้นสุขภาพดีในการลงทุน

"สันติ กีระนันทน์" ผู้แทน FETCO กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นประจำเดือน ก.พ. มองใน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 156.62 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.74% และยังอยู่ในระดับที่ร้อนแรงติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน จากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศและการขยายตัวเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะเดียวกันเม็ดเงินต่างประเทศเป็นปัจจัยลบต่อการลงทุน ต่างจากเดือนก่อนที่ให้น้ำหนักการเมืองในประเทศ

มุมมองความเชื่อมมั่นตามประเภทนักลงทุน กลุ่มบัญชีหลักทรัพย์และสถาบันต่างประเทศทิศทางลดลง แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ร้อนแรง ส่วนมุมมองของนักลงทุนรายบุคคลและสถาบันในประเทศดีขึ้น

ด้าน "อริยา ติรณะประกิจ" รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวถึงดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เดือน ก.พ.นี้ เท่ากับ 52 สะท้อนว่าจะมีการคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% จาก 2 ปัจจัย คือ การขยายตัวเศรษฐกิจไทยไม่สูงนัก และอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบที่ไม่น่ากังวล

"ตั้งแต่ต้นปีเม็ดเงินต่างชาติยังไหลเข้าตราสารหนี้เดือน ม.ค. แต่เดือน ก.พ. เริ่มมีการขายสุทธิบ้าง และการที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยอายุ 2 ปี และ 10 ปี ยังอยู่ในระดับที่น้อยกว่าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐ ซึ่งผิดกับประเทศเพื่อนบ้านที่ปรับขึ้นตามสหรัฐ เนื่องจากปริมาณสภาพคล่องในระบบยังสูง เพราะนักลงทุนสถาบันในประเทศมีความต้องการเข้ามาซื้อตราสารหนี้มากขึ้น" อริยา กล่าว

เป็นครั้งแรกที่ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ได้สำรวจความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนทั้งหมด 27 แห่งเป็นรายเดือนครั้งแรก "ไพบูลย์ นลินทรางกูร" นายกสมาคม ระบุว่า ผลสำรวจดัชนีหุ้นระยะ 1 เดือนข้างหน้า หรือสิ้นเดือน ก.พ. คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,829 จุด ซึ่งส่วนใหญ่ยังให้น้ำหนักระดับดัชนีเหนือ 1,800 จุดเป็นหลัก เพราะมีผู้ตอบเพียง 11.54% เท่านั้น ที่มองหลุดกรอบ 1,800 จุด สำหรับดัชนีเป้าหมายปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,860 จุด โดยมองจุดสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 1,925.74 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,716 จุด

ไพบูลย์ ยังมองว่าหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะกระทิง 2 ปีนี้จังหวะที่หุ้นพักฐานลงมา 2 วันที่ผ่านมา น่าจะหมดรอบของหุ้นพักฐานรอบนี้แล้ว เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลกระทบจากแรงขายหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐที่ทั้งนักลงทุนรายบุคคลและนักลงทุนสถาบันรวมกัน 75% ของมูลค่าการซื้อขายโดยรวม ที่ใช้เครื่องมือระบบซื้อขายอัตโนมัติที่ตั้งระดับราคาที่กำหนดหากหุ้นปรับขึ้นหรือลงก็จะมีการดำเนินการทันที จึงทำให้หุ้นสหรัฐปรับลงแรง ส่วนที่ตลาดหุ้นยุโรปใช้ระบบซื้อขายอัตโนมัติอยู่ที่ 40% ของมูลค่าการซื้อขายโดยรวม

"หุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะเลือกหุ้นที่เหมาะสมกับมูลค่าพื้นฐานบริษัทหรือมีสุขภาพดีต่อการลงทุน เพราะเศรษฐกิจโลกยังดี ดอกเบี้ยไม่เร่งปรับขึ้น แต่หากเงินเฟ้อแตะ 3.5% ต้องระวังจะมีผลให้เงินไหลกลับสหรัฐได้" ไพบูลย์ กล่าว

"วรวรรณ ธาราภูมิ" ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย มองว่าหุ้นที่ลงช่วงนี้เป็นการปรับฐาน ตัวเลขเศรษฐกิจทั่วโลกยังดี และเศรษฐกิจไทย กำไรบริษัทจดทะเบียนยังเติบโตดี แต่ที่ผ่านมาราคาหุ้นไทยขึ้นแรงและเร็วกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก การที่หุ้นลงครั้งนี้เป็นโอกาสที่นักลงทุนที่จะได้เห็นมูลค่าหุ้นที่แท้จริง และกลับมาวิเคราะห์หุ้นสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริงได้ ซึ่งผู้ลงทุนก็ต้องทำการบ้านก่อนเข้าลงทุน