เบี้ยปรับในกรณี ที่คู่สัญญาผิดสัญญา
เดชา กิตติวิทยานันท์การทำสัญญาของคู่สัญญาควรมีการกำหนดเบี้ยปรับไว้เพื่อเป็นมาตรการป้องกันมิให้ผิดนัดและผิดสัญญา เบี้ยปรับตามกฎหมายมี 2 แบบ แบบแรก คู่สัญญารับเงินแล้วไม่ทำงานตามสัญญาหรือไม่ส่งสินค้าเลย แบบที่สอง คู่สัญญาทำงานช้า ส่งสินค้าช้าหรือส่งไม่ครบ หรือชำรุดบกพร่อง ดังนั้น ถ้ามีการกำหนดเบี้ยปรับไว้ก็ไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหาย เพราะตกลงเรื่องความเสียหายกันไว้ล่วงหน้าแล้วจึงง่ายต่อการดำเนินคดี
เดชา กิตติวิทยานันท์
การทำสัญญาของคู่สัญญาควรมีการกำหนดเบี้ยปรับไว้เพื่อเป็นมาตรการป้องกันมิให้ผิดนัดและผิดสัญญา เบี้ยปรับตามกฎหมายมี 2 แบบ แบบแรก คู่สัญญารับเงินแล้วไม่ทำงานตามสัญญาหรือไม่ส่งสินค้าเลย แบบที่สอง คู่สัญญาทำงานช้า ส่งสินค้าช้าหรือส่งไม่ครบ หรือชำรุดบกพร่อง ดังนั้น ถ้ามีการกำหนดเบี้ยปรับไว้ก็ไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหาย เพราะตกลงเรื่องความเสียหายกันไว้ล่วงหน้าแล้วจึงง่ายต่อการดำเนินคดี
ตัวอย่างของคำพิพากษาของศาลฎีกาเกี่ยวกับการปรับเมื่อผิดสัญญาคำพิพากษาฎีกาที่ 556/2511 หลังจากจำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์แล้ว แต่ยังไม่ถึงวันโอนตามที่กำหนดไว้ในสัญญานั้น โจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้บุคคลที่สามโดยกำหนดว่าโจทก์จะโอนที่พิพาทให้บุคคลที่สามในวันเดียวกันกับที่จำเลยจะต้องโอนที่พิพาทให้โจทก์ ถ้าโจทก์ผิดสัญญาโจทก์ต้องเสียเบี้ยปรับ 4 หมื่นบาท โจทก์ได้แจ้งเรื่องสัญญาและเบี้ยปรับให้จำเลยทราบแล้ว ต่อมาเมื่อถึงกำหนดวันโอน จำเลยไม่ยอมโอนที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ถูกบุคคลที่สามปรับ 4 หมื่นบาท จำเลยต้องชำระค่าเสียหาย 4 หมื่นบาทนี้ให้โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง
คำพิพากษาฎีกาที่ 2299/2533 ทำสัญญาตกลงกันว่าผู้ขายตกลงจะทำถนนผ่านที่ดินในส่วนของผู้ขายหลังจากแบ่งแยกโฉนดขายให้แก่ผู้ซื้อแล้ว หากผิดสัญญายอมให้ผู้ซื้อปรับผู้ขายเป็นเงิน 5 หมื่นบาท ข้อตกลงนี้เป็นเรื่องสัญญาจะให้เบี้ยปรับเมื่อไม่ชำระหนี้ เมื่อผู้ซื้อตกลงเรียกเอาเบี้ยปรับแล้ว จึงไม่มีสิทธิเรียกให้ทำถนนอีก คำพิพากษาฎีกาที่ 2297/2523 โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อจำเลยไม่ทำถนนจึงให้ทนายความมีหนังสือถึงจำเลยให้นำเบี้ยปรับ 5 หมื่นบาท มาชำระหนี้แก่โจทก์ จึงเป็นกรณีโจทก์เจตนาเรียกเบี้ยปรับ เมื่อโจทก์เรียกเบี้ยปรับแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทำถนนอีกตาม ป.พ.พ. มาตรา 380
คำพิพากษาฎีกาที่ 3354/2531 สัญญาจะซื้อขายระบุว่า ถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนด ผู้จะขายจะยอมให้ผู้จะซื้อปรับ 2 หมื่นบาท อีกส่วนหนึ่งด้วย โดยไม่มีข้อความตอนใดระบุให้สิทธิผู้จะขายเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินให้ผู้จะซื้อผู้จะซื้อเท่านั้น จึงเลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ผู้จะขายชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 เมื่อโจทก์ผู้จะซื้อเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จะขายให้ขายที่ดินตามสัญญา และสภาพแห่งหนี้ก็เปิดช่องให้ศาลบังคับได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติด้วยการขอคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์
คำพิพากษาฎีกาที่ 289/2495 แม้สัญญาจะซื้อขายที่ดินได้ กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ในเมื่อผู้ขายผิดสัญญาก็ดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 บัญญัติให้สิทธิแก่เจ้าหนี้เลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดได้ ฉะนั้นถ้าผู้ขายทำผิดสัญญาโดยไม่ยอมขายที่ดินให้แก่ผู้ซื้อผู้ซื้อก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องผู้ขายขอให้ศาลบังคับให้โอนขายตามสัญญาได้ คำพิพากษาฎีกาที่ 664/2530 เมื่อโจทก์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับแล้วและจำนวนเบี้ยปรับสูงกว่าค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อของในราคาที่แพงกว่าราคาเดิม โจทก์จึงจะเรียกเอาค่าเสียหายดังกล่าวอีกไม่ได้ เพราะเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายนอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง
คำพิพากษาฎีกาที่ 5277/2540 ตามสัญญาเช่า ข้อ 11 มีข้อความว่า "หากผู้ให้เช่ามีความประสงค์จะใช้อาคารที่เช่าเพื่อดำเนินกิจการของรัฐหรือกิจการใดๆ ของผู้ให้เช่า ผู้เช่ายินยอมขนย้ายสิ่งของสัมภาระและบริวารออกจากอาคารที่เช่าภายใน 30 วัน หากครบกำหนดแล้วผู้เช่าไม่ยอมออกจากอาคารที่เช่า ผู้เช่ายินยอมชำระค่าปรับแก่ผู้ให้เช่าในอัตราวันละ 1 ใน 3 ของค่าเช่ารายเดือนเป็นเงิน 100 บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) จนกว่าจะออกจากอาคารที่เช่า" ตามข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นค่าเสียหายที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้า จึงมีลักษณะเป็นเบี้ยปรับ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายและตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง ก็บัญญัติไว้ให้เจ้าหนี้เรียกค่าเสียหายได้เต็มจำนวนที่เสียไปโดยให้คิดเบี้ยปรับรวมอยู่ในนั้นด้วย คือให้ถือว่าเบี้ยปรับเป็นจำนวนน้อยที่สุดของค่าเสียหาย เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่ากับอัตราค่าเช่าและศาลล่างพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มจำนวนที่โจทก์ได้รับความเสียหายแล้ว โจทก์จะเรียกร้องให้จำเลยเสียเบี้ยปรับดังกล่าวให้โจทก์อีกไม่ได้ เพราะเป็นการเรียกร้องที่นอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับขัดต่อมาตรา 380 วรรคสองดังกล่าวข้างต้น
การกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้าจะช่วยป้องปรามมิให้คู่สัญญากล้าผิดนัดหรือผิดสัญญา


