คิหิสฺส อรหาติ : คฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้หรือ?
ถ้าใครสงสัยว่าคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้หรือไม่ พึงหาคำตอบจากปกรณ์ 2 เล่ม
โดย กรกิจ ดิษฐาน
ถ้าใครสงสัยว่าคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้หรือไม่ พึงหาคำตอบจากปกรณ์ 2 เล่ม คือ กถาวัตถุในพระอภิธรรมปิฎกกับคัมภีร์มิลินทปัญหา มีแต่ 2 เล่มนี้เท่านั้นที่ตอบข้อสงสัยได้ชัดเจนที่สุด
เริ่มจากกถาวัตถุ ซึ่งเป็นเหมือนคู่มือหลักคำสอนอันแท้จริงของฝ่ายเถรวาท เป็นการถามตอบและแก้ทัศนะระหว่างเถรวาทกับนิกายต่างๆ โดยในส่วนของปัญหาคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ อยู่ในคำถามเรื่องคิหิสสอรหาติกถา ระหว่างเถรวาท (สกวาที) กับพวกนิกายอุตตราปถก (ปรวาที)
นิกายอุตตราปถกยืนยันว่า คฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้ ฝ่ายเถรวาทจึงถามซักไซ้ไปเรื่อยๆ ว่า อรหันต์ยังมีสังโยชน์แบบคฤหัสถ์หรือไม่? อีกฝ่ายตอบว่าไม่มี เถรวาทจึงสวนกลับว่า ถ้าไม่มีก็ต้องไม่บอกว่าคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้ (เพราะสังโยชน์เป็นคุณสมบัติของคฤหัสถ์)
ต่อมาเถรวาทซักว่าอรหันต์ไร้เชื้ออวิชชา หรือเป็นตาลยอดด้วน ใช่หรือเปล่า? อุตตราปถก บอกว่าใช่ เถรวาทจึงสวนกลับว่าอรหันต์เป็น ตาลยอดด้วนเพราะถอนสังโยชน์ที่คฤหัสถ์มีอยู่แล้ว ก็ต้องไม่บอกว่าคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ (เพราะอรหันต์ไม่มีคุณสมบัติของคฤหัสถ์)
อีกคำถามคือ เถรวาทถามว่าอรหันต์ยัง เสพเมถุน มีลูกมีเต้า ใส่น้ำหอม แต่งเนื้อแต่งตัว มีเงินค้าขายใช้ชีวิตเหมือนปุถุชนหรือเปล่า? อุตตราปถกบอกว่า ถามอย่างนี้ไม่ถูกแล้วสวนกลับเถรวาทบ้างว่า คฤหัสถ์เป็นอรหันต์ไม่ได้หรือ? เถรวาทบอกว่าเป็นไม่ได้ นิกายอุตตราปถก จึงเถียงว่า ถ้าอย่างนั้นยสกุลบุตร อุตติยคฤหบดี เสตุมาณพ บรรลุอรหันต์ตอนยังเป็นคฤหัสถ์ล่ะจะว่ายังไง
การดีเบตจบลงเท่านี้
แต่ไม่ใช่ว่าฝ่ายเถรวาทไม่เชื่อว่าคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ไม่ได้ หรือว่าแพ้เพราะถูกสวนกลับเรื่องพระยสกุลบุตร เจตนาของเนื้อความคือต้องการชี้ให้เราเห็นว่า นิกายอุตตราปถกยังมีทัศนะไม่สมบูรณ์ คือไม่เข้าใจว่าการเป็นอรหันต์เขาวัดกันที่คุณสมบัติ ไม่ใช่ว่ายังทำตัวแบบโลกๆ อย่างชาวบ้านทั่วๆ แล้วอุปโลกน์ตัวเองเป็นอรหันต์ อ้างว่าไม่มีสังโยชน์แล้ว อย่างนี้มันย้อนแย้ง
อีกทั้งยังเป็นการย้ำนิยามให้ชัดด้วยว่า คฤหัสถ์หมายถึงคนที่ยังข้องกับเรื่องวุ่นๆ ส่วนอรหันต์คือผู้ที่สิ้นกิเลสแล้ว เวลาสิ้นสภาวะด้วยคุณสมบัติก็ต้องเปลี่ยนชื่อเรียกด้วย จะเรียกปนว่าเป็นคฤหัสถ์อรหันต์ไม่ได้
อย่างยสกุลบุตรนั้นถึงจะเป็นคฤหัสถ์แต่ฟังธรรมของพระพุทธองค์จนสิ้นสังโยชน์ จึงมีคุณสมบัติเป็นอรหันต์ แม้สภาพภายนอกจะเป็นผู้ครองเรือนก็ตาม กระนั้น ในเวลาคืนเดียวกันนั้นเองพระยสกุลบุตรก็บวชเลย ไม่ได้อยู่ในภาพผู้ครองเรือนอีก
คำตอบของคำถามนี้คือ คฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้ แต่ถ้าจะอ้างกรณีพระยสกุลบุตร ต้องตอบให้ครบด้วยว่า ท่านบวชหลังจากนั้นไม่ได้เป็นโยมอีกต่อไป
ในมิลินทปัญหากล่าวถึงประเด็นนี้อยู่ในคำถามว่าด้วยคีหิอรหัตตปัญหา (อรหันต์คฤหัสถ์) พระเจ้ามิลินทร์ถามพระนาคเสนว่า คฤหัสถ์ที่สำเร็จอรหันต์แล้วถ้าไม่บวชภายในวันนั้นจะเข้านิพพานจริงหรือไม่ พระนาคเสนตอบว่าจริง สาเหตุเพราะสถานะของฆราวาสไม่อาจต้านทานภาวะความเป็นอรหันต์ได้ แล้วพระเถระอุปมาว่าเหมือนคนอดอาหารมานาน ได้กินอาหารก็สวาปามเกินขนาดจนจุกตาย หรือเหมือนหญ้าอันอ่อนนุ่มถูกก้อนหินหนักมาทับก็ทานไว้ไม่อยู่
พูดภาษาชาวบ้านก็คือภาวะอรหันต์นั้น "แรง" กายและใจแบบฆราวาสนั้นเอาไม่อยู่ ต้องอาศัยศีลและวินัยพระช่วยค้ำไว้
สรุป
สรุปว่าคฤหัสถ์เป็นอรหันต์ได้หรือไม่? จากคำอธิบายของคัมภีร์ทั้ง 2 ตอบว่า ได้ แต่หลังจากนั้นจะคงเพศคฤหัสถ์ไม่ได้ ต้องบวชเป็นพระเท่านั้น
แต่ต้องเสริมว่า จากการดีเบตในกถาวัตถุ ทำให้เราสามารถอนุมานได้ว่า การเป็นผู้บรรลุธรรมขั้นสูงไม่จำกัดว่าต้องบวชเท่านั้นถึงจะสำเร็จ เพียงแต่โอกาสที่ผู้ครองเรือนจะบรรลุอรหันต์นั้นมีน้อย และเมื่อคฤหัสถ์เป็นอรหันต์แล้วจะต้องบวชเป็นบรรพชิตหรือไม่ก็ต้องนิพพาน หรือดับขันธ์ ในวันนั้น ส่วนเรื่องที่ว่ากันว่าจะตายใน 7 วันยังหาที่มาไม่ได้
เหตุที่ต้องบวชผมคิดว่าเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นปรามาสท่าน เพราะเห็นว่าภายนอกยังเป็นคนธรรมดา พอมีผ้าเหลืองห่มแล้วคนจะเกรงใจ ไม่กล้าทำบาปกรรมมหันต์ ซึ่งเป็นผลดีต่อคน ผู้นั้นเองไม่ใช่กับอรหันต์
ที่ท่านต้องนิพพานในวันนั้นอาจเพราะช่วยไม่ให้คนที่ไม่รู้พ้นจากบาปกรรมและคงเห็นว่าไม่มีพันธะแล้ว ส่วนท่านที่เลือกจะอยู่ต่อในสถานะบรรพชิต ก็เพราะจะสงเคราะห์โลกนั่นเอง


