‘AI เพิ่มมูลค่าธุรกิจ การชงกาแฟ’
นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัดประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ในปี 2018 นี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในหลายๆ อุตสาหกรรมที่ดึงเอาเทคโนโลยี ชุดข้อมูลจำนวนมหาศาล หรือ "บิ๊กดาต้า" รวมถึงการใช้ความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) มาใช้สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและประสบการณ์แบบ Personalization ให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด
นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ในปี 2018 นี้เราจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในหลายๆ อุตสาหกรรมที่ดึงเอาเทคโนโลยี ชุดข้อมูลจำนวนมหาศาล หรือ "บิ๊กดาต้า" รวมถึงการใช้ความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) มาใช้สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและประสบการณ์แบบ Personalization ให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด
ชั่วโมงนี้แม้แต่ธุรกิจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศิลปะการชง อย่างธุรกิจกาแฟยังเริ่มเห็นการปรับเปลี่ยน กลยุทธ์ครั้งสำคัญ คือ การสร้างความผูกพันกับผู้บริโภค (Consumer Engagement) ให้อยากกลับมาใช้บริการอีกเรื่อยๆ สิ่งที่เจ้าของธุรกิจต้องตระหนัก ไม่ใช่เพียงแต่เมล็ดกาแฟ แต่สำคัญไปถึงการสร้างบริบทแวดล้อมให้เมล็ดกาแฟมีมูลค่ายิ่งขึ้นไปอีก ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จึงเข้ามาเป็น "โรบอต บาริสต้า (Robot Barista)" ประจำร้าน ที่มีความสามารถทั้งในเชิงสุนทรียะแห่งกาแฟและกลยุทธ์เชิงธุรกิจในฐานะเครื่องมือวิเคราะห์ลูกค้าเพื่อทำ CRM หรือ Customer Relationship Management ชั้นเยี่ยม
ที่ห้องแล็บ R&D ของเอเซอร์ ประเทศไต้หวัน ได้คิดค้นและพัฒนารูปแบบโซลูชั่น AI สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจร้านกาแฟโดยเฉพาะ โดยออกแบบให้ชงกาแฟสูตรต่างๆ ปรุงแต่งรสชาติและใส่ดีไซน์ในแก้วกาแฟได้อย่างละเมียดละไมในเวลาที่รวดเร็ว ทำความสะอาด เสิร์ฟถึงมือลูกค้าและโต้ตอบสื่อสารกับลูกค้าเพื่อการบริการ อีกทั้ง AI ยังทำหน้าที่เก็บข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ตั้งแต่จดจำใบหน้าลูกค้า ออร์เดอร์ที่สั่ง ความถี่ในการมาที่ร้าน และรายละเอียดต่างๆ ตลอดการบริการ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างประสบการณ์อันดีให้กับลูกค้าเฉพาะบุคคล ด้วยการจดจำของ AI ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องสั่งเมนูเดิมซ้ำ เพียงเข้ามาในร้าน AI ที่บันทึกข้อมูลใบหน้าลูกค้าไว้ ก็จะชงกาแฟแก้วโปรดให้กับลูกค้าได้ทันที ยกเว้นว่าลูกค้าสนใจลองเมนูใหม่ก็แจ้งกับ AI ได้
นอกจากนั้น ยังสามารถสกรีนใบหน้าเจ้าของลงในเครื่องดื่มให้กลายเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาด ขณะเดียวกันในระยะยาว รายการบันทึกประวัติลูกค้าในแต่ละวันจะกลายเป็นข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลสำหรับผู้ประกอบการ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจากข้อมูลที่แสดงผลลัพธ์ในแง่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูยอดนิยม หรือเมนูที่มีออร์เดอร์น้อยสุด ช่วงเวลาที่มีจำนวนลูกค้ามากหรือน้อย ฯลฯ นำมาวิเคราะห์ตลาด คำนวณต้นทุน กำไร พร้อมศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อวางแผนทำธุรกิจ เช่น แนะนำเมนูที่เหมาะสมให้แก่ลูกค้าแต่ละรายได้ การเสนอโปรโมชั่น ส่วนลดต่างๆ และพร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบให้บริการทันที เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
โซลูชั่นนี้จะช่วยสร้างการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เน้นสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในเชิงรุก โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า ช่วยรักษาลูกค้าเก่าและคิดหาวิธีเพิ่มลูกค้าใหม่เข้ามายังร้าน เรียกได้ว่าเป็นการรุกเพื่อให้รู้จักลูกค้า รุกเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแบรนด์ ถือเป็นความท้าทายของแบรนด์ในการหาวิธีครองใจผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่มีความผูกพันต่อแบรนด์ต่ำลง พร้อมเปลี่ยนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ดีกว่า และยินดีที่จะจ่ายค่า "ประสบการณ์" เพื่อความพึงพอใจ
ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ โมเดลธุรกิจ AI ในร้านกาแฟเริ่มแพร่หลายในประเทศต่างๆ อาทิ ร้านกาแฟ Cafe X ในเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เปิดให้ลูกค้าสั่งเมนูผ่านสมาร์ทโฟน หรือไอแพดคีออส (iPad kiosk) กาแฟจะถูกจัดเตรียมโดยหุ่นยนต์ เช่นเดียวกับร้านกาแฟ AI แห่งแรกในจีน ที่เมืองเสิ่นเจิ้น แสดงกรรมวิธีชงกาแฟโดยหุ่นยนต์พร้อมโต้ตอบสื่อสารกับลูกค้าเวลาเดียวกัน รวมถึงไต้หวันที่ตั้งของศูนย์วิจัยเอเซอร์
ต่อไปเราคงจะได้เห็นโรบอต บาริสต้า ยืนบริการอยู่ในร้านกาแฟ มากขึ้น เพราะนอกจากจะเข้ามาช่วยเพิ่มชั่วโมงทำธุรกิจ เปิดร้านกาแฟแบบ 24 ชั่วโมงแล้ว ขณะเดียวกันยังช่วยลดจำนวนเวลาชงกาแฟ ต่อแก้ว ทำให้ผลิตจำนวนกาแฟต่อวันได้มากขึ้น เท่ากับว่าวันนี้ผู้ประกอบการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ว่าต้องการซื้อความเร็ว หรือพร้อมจะแช่ตัวเองที่เคาน์์เตอร์ 10-15 นาที เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟด้วยรสมือบาริสต้าประจำตัวคุณ


