posttoday

‘ดอลลาร์นิยม’...ปรากฏการณ์ที่กัมพูชาต้องก้าวข้าม

21 มกราคม 2561

พิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนากรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสเดินทางไปสำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในประเทศกัมพูชา ตลอดจนศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมจัดตั้งสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในเร็วๆ นี้ ซึ่งการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ผมพบว่าสภาพแวดล้อมด้านต่างๆ ของกัมพูชาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันกัมพูชาเป็นอีกประเทศหนึ่งในอาเซียนที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างโดดเด่นถึงราว 7% และด้านสังคมที่ทุกวันนี้สภาพความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชาก็ดีขึ้นมาก

พิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนากรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

เมื่อเร็วๆ นี้ ผมมีโอกาสเดินทางไปสำรวจลู่ทางการค้าการลงทุนในประเทศกัมพูชา ตลอดจนศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมจัดตั้งสำนักงานผู้แทนของ EXIM BANK ในเร็วๆ นี้ ซึ่งการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ผมพบว่าสภาพแวดล้อมด้านต่างๆ ของกัมพูชาเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันกัมพูชาเป็นอีกประเทศหนึ่งในอาเซียนที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างโดดเด่นถึงราว 7% และด้านสังคมที่ทุกวันนี้สภาพความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชาก็ดีขึ้นมาก

สอดคล้องกับการที่ธนาคารโลก ได้เลื่อนสถานะของกัมพูชาจากประเทศรายได้ต่ำเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับต่ำเมื่อช่วงกลางปี 2559 สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกัมพูชาใน การลดปัญหาความยากจนของประชาชนในประเทศ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว ผมมีข้อสังเกตประการหนึ่งเกี่ยวกับปรากฏการณ์ Dollarization หรือความนิยมใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในกัมพูชา ซึ่งไม่ว่าเศรษฐกิจจะพัฒนาจนมีเสถียรภาพมากขึ้นเพียงใด ก็ยังพบว่ามีการใช้เงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจกัมพูชาในระดับที่สูงมาก แตกต่างจากในหลายๆ ประเทศที่เมื่อเศรษฐกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น ก็มักจะพยายามลดบทบาทของเงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจลง

กล่าวได้ว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ใช้เงินดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก สังเกตได้จากปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 90-95% เป็นเงินดอลลาร์ นอกจากนี้การทำธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมเชิงการค้าหรือธุรกรรมรายวันล้วนใช้เงินดอลลาร์แทบทั้งสิ้น ส่วนการใช้เงินเรียล (Riel) ซึ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่นกลับไม่ค่อยได้รับความนิยม และถูกนำไปใช้เฉพาะการซื้อสินค้าที่มีราคาไม่สูง หรือใช้เป็นเงินทอน ซึ่งการใช้เงินดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักแทนการใช้เงินเรียลมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ก่อนที่ผมจะลงในรายละเอียด ถึงข้อดีข้อเสียของการที่เศรษฐกิจกัมพูชาพึ่งพาเงินดอลลาร์ในระดับสูง คงต้องเท้าความเพื่อให้เห็นภาพก่อนว่าทำไมเงินดอลลาร์จึงมีบทบาทอย่างมากในระบบเศรษฐกิจกัมพูชา ซึ่งต้องย้อนกลับไปในช่วงที่กัมพูชาฟื้นฟูประเทศหลังสิ้นสุดยุคเขมรแดงในปี 2522 เงินดอลลาร์เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในกัมพูชาในรูปของเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก่อนที่การใช้เงินดอลลาร์จะแพร่หลายมากขึ้นในช่วงที่ United Nations Transitional Authority in Cambodia หรือ UNTAC เข้ามาปฏิบัติการรักษาสันติภาพ รวมถึงจัดการการเลือกตั้งในกัมพูชาในช่วงระหว่างปี 2534-2535 ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวมีการนำเงินดอลลาร์เข้ามาในกัมพูชาเป็นมูลค่าสูงถึง 1,700 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 75% ของจีดีพีกัมพูชาในช่วงเวลานั้น ทำให้เงินดอลลาร์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในกัมพูชานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สำหรับข้อดีของการมีระบบเศรษฐกิจที่ใช้เงินดอลลาร์เป็นหลัก หรือ Dollarized Economy คือ ทำให้กัมพูชาไม่มีปัญหาขาดแคลนเงินดอลลาร์เช่นที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศให้หลั่งไหลเข้ามาในกัมพูชามากขึ้น

ขณะเดียวกันยังเอื้อประโยชน์แก่ ผู้ส่งออกในกัมพูชาให้สามารถนำเงินดอลลาร์ที่ได้จากการรับชำระค่าสินค้ามาใช้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และที่สำคัญยังเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมามีเสถียรภาพมากขึ้นเป็นลำดับ รวมถึงรักษาอัตราเงินเฟ้อของกัมพูชาให้อยู่ในระดับต่ำ

อย่างไรก็ตาม ระบบเศรษฐกิจ ดังกล่าวก็มีผลเสียต่อกัมพูชาเช่นกัน เพราะถือเป็นข้อจำกัดต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางกัมพูชา (National Bank of Cambodia) ทำให้ธนาคารกลางกัมพูชามีเครื่องมือทางการเงินน้อยลงในการรับมือกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกประเทศ

นอกจากนี้ การที่เงินดอลลาร์มีบทบาทอย่างมากยังทำให้ชาวกัมพูชาปฏิเสธการใช้เงินเรียล และไม่เชื่อมั่นต่อค่าเงินเรียล ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ดังกล่าวและพยายามกระตุ้นการใช้เงินเรียล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการยอมรับสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศ ผ่านการดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมการใช้เงิน เรียลให้มากขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐใช้เงินเรียล รวมถึงกำหนดให้ใช้เงินเรียลในการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ การจ่ายภาษี และการจ่ายค่าสาธารณูปโภค แต่ปัจจุบันเงิน เรียลก็ยังไม่สามารถเข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจกัมพูชาได้มากนัก

สุดท้ายนี้ ไม่ว่ากัมพูชาจะก้าวข้ามปรากฏการณ์ "ดอลลาร์นิยม" ได้หรือไม่ แต่ผมมองว่ารัฐบาลกัมพูชาจะยังหาหนทางใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความสำคัญให้กับเงินเรียล เพราะตระหนักถึงผล กระทบในระยะยาวที่เงินเรียลอาจเป็นเพียงเงินในเชิงสัญลักษณ์ของประเทศเท่านั้น และล่าสุดได้ออกมาตรการให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทุกแห่งต้องมียอดคงค้างสินเชื่อเป็นเงิน เรียลอย่างน้อย 10% โดยให้มีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปี 2562 และหากจำเป็นธนาคารกลางกัมพูชาอาจเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวได้ในอนาคต เพื่อเพิ่มการใช้เงินเรียลในระบบเศรษฐกิจและกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อสกุลเงินเรียลมากขึ้น อันจะเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางกัมพูชา ซึ่งต้องติดตามดูว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นให้เงินเรียลเข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจกัมพูชาได้มากน้อยเพียงใด n

ข่าวล่าสุด

อีลอน มัสก์ สร้างสถิติเป็นคนแรกของโลกที่รวยเกิน 700,000 ล้านดอลลาร์