posttoday

เรียกค่าเสียหายเกินจริง

26 ธันวาคม 2560

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวดังในโซเชียลถกเถียงกันเป็นประเด็นทางสังคมกรณีชายหนุ่มคนหนึ่งไปรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าดังที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นได้รับประทานอาหารไปแล้วบางส่วน แล้วพบแมลงสาบในจานอาหารที่รับประทานไปแล้วเกือบครึ่ง เมื่อพบว่ามีแมลงสาบก็ได้มีการตำหนิติเตียนพนักงานขายและเจ้าของร้าน พนักงานขายและเจ้าของร้านก็ขอโทษ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีข่าวดังในโซเชียลถกเถียงกันเป็นประเด็นทางสังคมกรณีชายหนุ่มคนหนึ่งไปรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าดังที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นได้รับประทานอาหารไปแล้วบางส่วน แล้วพบแมลงสาบในจานอาหารที่รับประทานไปแล้วเกือบครึ่ง เมื่อพบว่ามีแมลงสาบก็ได้มีการตำหนิติเตียนพนักงานขายและเจ้าของร้าน พนักงานขายและเจ้าของร้านก็ขอโทษ

แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม หลังจากนั้นได้มีการเจรจากับทางห้างซึ่งเป็นผู้ให้เช่าสถานที่ขายอาหารในศูนย์อาหารและมีการเจรจาเรียกค่าเสียหาย โดยเริ่มต้นเรียกจาก 3 ล้านบาท ต่อมาเจรจากันไม่ได้เรียกเพิ่มเป็น 6 ล้านบาท

ล่าสุดเรียกเพิ่มเป็น 9 ล้านบาท โดยอ้างว่าเป็นสิทธิของผู้บริโภคและฟ้องคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภครายอื่น ประชาชนทางโซเชียลสอบถามผมมาว่าการฟ้องร้องดำเนินคดีดังกล่าวทำได้หรือไม่ ทนายคลายทุกข์ขอตอบเป็นข้อๆ ดังนี้

1.เมื่อเราถูกโต้แย้งสิทธิไป รับประทานอาหารแล้วพบแมลงสาบ ผู้บริโภคก็มีสิทธิที่จะเรียกค่าเสียหาย หากไม่ชำระก็ถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิ ก็มีสิทธิใช้สิทธิทางศาลเรียกค่าเสียหายตามความเป็นจริง ที่ตนเองได้รับกรณีนี้เป็นกรณีกระทำละเมิด

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด ค่าสินไหมทดแทน ได้แก่ การใช้ราคารวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย หมายความว่า ความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำและผลจะต้องมีความสัมพันธ์กันจึงจะเรียกค่าเสียหายได้

2.การเรียกค่าเสียหายที่เกินจริงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ไม่ได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล การฟ้องคดีเป็นการฟ้องเพื่อจะกลั่นแกล้งผู้ถูกฟ้องให้เกิดความกลัว เพื่อเป็นการประจานให้สาธารณชนทราบ ต้องการทำลายชื่อเสียงของผู้ประกอบธุรกิจ

การกระทำดังกล่าวศาลฎีกาเคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า การใช้สิทธิฟ้องศาลต้องกระทำการโดยสุจริต อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 2994/2558 ฎีกาที่ 7191/2551 ฎีกาที่ 1812/2552

ดังนั้น คดีนี้หากผู้ประกอบธุรกิจเห็นว่าผู้บริโภคคนดังกล่าวมีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงและใช้ศาลเป็นเครื่องกำบังก็มีสิทธิที่จะฟ้องกลับผู้บริโภครายนี้ได้

เพราะการใช้สิทธิทางศาลในคดีแพ่ง บุคคลทุกคนต้องกระทำการโดยสุจริต การฟ้องเรียกค่าเสียหายต้องมีมูลเพียงพอที่จะเรียกค่าเสียหายดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5

3.ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาเคยมี คำพิพากษากรณีผู้บริโภคไปซื้อข้าวถุง 1 ถุง หลังจากนั้นก็พบเชื้อราปนเปื้อนและเอาข้าวไปคืนร้านค้า ร้านค้าขอโทษและยินดีคืนเงินแต่ไม่ยอม เรียกค่าเสียหาย 3 แสนบาท ซึ่งคดีนั้นศาลฎีกายกฟ้อง อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 4829/2558

ตัวบทกฎหมายอ้างอิง

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 5 ในการใช้สิทธิแห่งตนก็ดี ในการชำระหนี้ก็ดี บุคคลทุกคนต้องกระทำโดยสุจริต

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น

มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย

มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด

อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้แก่ การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย

พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค

การฟ้องคดีผู้บริโภคโดยผู้บริโภคได้รับการยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียม แต่ถ้าเรียกค่าเสียหายโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ศาลอาจสั่งให้ชำระค่าฤชาธรรมเนียมได้

คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวข้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2994/2558 (เป็นกรณีการฟ้องคดีตามปกติ เรียกค่าเสียหายตามสมควรไม่เป็นละเมิด)

การฟ้องคดีต่อศาลตามปกติย่อมไม่เป็นการละเมิด เพราะเป็นการใช้สิทธิทางศาลที่กฎหมายให้กระทำได้ เว้นแต่เป็นการกระทำโดยไม่สุจริตหรือกลั่นแกล้งฟ้องโดยมิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล

กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค คุ้มครองผู้บริโภคที่สุจริตเท่านั้นนะครับ

ข่าวล่าสุด

เลิกวนลูป! ส่อง 3 เป้าหมายยอดนิยมที่คนไทยตั้งไว้ทุกต้นปี เป็นจริงได้อย่างไร?