สง่า ดามาพงษ์ เผยหัวใจของวัยเยาว์
เรื่อง กองทรัพย์นักโภชนาการวัย 67 ปี ที่ดูยังไงก็เหมือนลดอายุไปที่ 40 กว่าๆ อย่าง อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการชื่อดัง เผยเคล็ดลับกระชากวัยด้วยโภชนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปีว่า โภชนาการคือชีวิต ชีวิตคือโภชนาการ กินอะไรก็เป็นอันนั้น
เรื่อง กองทรัพย์
นักโภชนาการวัย 67 ปี ที่ดูยังไงก็เหมือนลดอายุไปที่ 40 กว่าๆ อย่าง อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการชื่อดัง เผยเคล็ดลับกระชากวัยด้วยโภชนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างต่อเนื่องตลอด 30 ปีว่า โภชนาการคือชีวิต ชีวิตคือโภชนาการ กินอะไรก็เป็นอันนั้น
"ความที่ทำงานในกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลายาวนานและเที่ยวแต่บอกและสอนคนอื่น และต้องเอามาทำกับตัวเอง มันเป็นไปตามอัตโนมัติ รู้ซึ้งเลยว่าถ้าคุณกินเป็น กินถูก ชีวิตเราจะดี ถ้าคุณกินแย่ กินไม่ถูก ชีวิตคุณก็จะเลวร้าย และจะไปจบเอาที่โรคภัยไข้เจ็บในบั้นปลายชีวิต"
อาจารย์สง่า เผยว่า ตกผลึกแนวคิดนี้เมื่อวันที่อายุกำลังจะเข้าเลข 3 "ตอนนั้นรู้แล้วว่าจะต้องนำทฤษฎีโภชนาการเข้ามาใช้กับชีวิตตัวเอง เริ่มโดยดูแลเรื่องการกินมาเป็นอันดับแรก หลักการง่ายๆ ก็คือ อาหารหลัก 5 หมู่ กินให้ครบ 5 หมู่ในทุกมื้อ ถ้าทำได้ทุกมื้อจะทำให้เซลล์เราตายช้า บวกกับปัจจัยอื่นๆ ทำให้เซลล์ตายช้า ก็แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคสูง
โภชนาการถ้ารู้จักกินก็ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันไม่เจ็บป่วย แข็งแรง มีพละกำลัง ลดอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด กินผักทุกมื้อ กินผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนมหวาน และกินอาหารไทย เคล็ดลับคือเมนูอาหารไทยประเภทต้ม แกง นึ่ง อบ ย่าง ยำ เน้นน้ำพริก การกิน น้ำพริกคือการได้กินผัก
นอกจากอาหารแล้ว สิ่งที่ทำให้นักโภชนาการสุดแอ็กทีฟคนนี้กระฉับกระเฉงตลอดเวลา ก็คือการออกกำลังกาย "เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจังตอนปลาย 30 กำลังจะเข้า 40 ปี ก็ยังทันอยู่สำหรับคนที่อายุเริ่มมากขึ้น เพราะถึงเราจะกินอาหารดี แต่ยังมีน้ำหนักมากขึ้น และเหนื่อยง่าย ดังนั้นต้องออกกำลังกาย วิธีการส่วนตัวของอาจารย์ก็คือการวิ่งสลับกับเดินเร็ว หนึ่งวันประมาณ 4-5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 วัน มันกลายเป็นนิสัยที่ติดมากับตัวเอง"
สิ่งสำคัญและขาดไม่ได้ก็คือการดูแลรักษาอารมณ์ อาจารย์สง่า บอกว่า อารมณ์เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้อาหารและการออกกำลังกาย ใครก็ตามที่อารมณ์บูด โกรธง่าย คิดลบ ขี้กังวล และมีเรื่องกลุ้มใจตลอดเวลาและไม่สลัดออกจากหัว คนนั้นจะเป็นมะเร็งอารมณ์และโรคภัยทางกายก็จะตามมา ทำให้ภูมิคุ้มกันทางร่างกายบกพร่อง
"การหงุดหงิด คิดลบ มีเรื่องกังวล และกลุ้มใจ ทำให้เซลล์ในร่างกายทำงานผิดปกติ อนุมูลอิสระเข้าโจมตี ร่างกายอ่อนแอ โรคเข้ารุมเร้าได้ง่ายและแก่เร็ว เพราะฉะนั้นการคิดบวก การที่รู้ตัวว่าเรากำลังจะเครียด พยายามหนีมัน อย่าเอาตัวเองไปจมอยู่กับความเครียด หรือถ้าเรารู้ว่าเครียดแล้วสลัดมันออกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งง่ายๆ ที่จะช่วยได้ก็คือการพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ ก็ทำให้เราสดชื่นขึ้นได้ หรือหางานอดิเรกที่ชอบทำยังไงก็ได้ให้เรามีความสุข
ไม่มีอะไรสายเกินกว่าที่เราจะทำในวันนี้ เพียงแต่จะทำหรือไม่ สิ่งแรกที่จะต้องทำคือเรื่องจิตใจ ต้องเอาจิตใจมองไปข้างหน้า ว่าถ้าคุณไม่ปฏิบัติตนให้ถูกหลักและยังปฏิบัติตัวอยู่อย่างนี้แล้ว อนาคตจะต้องสร้างความลำบากให้คนใกล้เคียงของคุณ จะต้องเอาเงินไปรักษาพยาบาล ถ้าคุณคิดว่าคุณอยู่ไปวันๆ คิดว่าไม่มีเวลา เกิดมาก็ป่วยก็ตายไปเอง และยังหากคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ขี้เกียจออกกำลังกาย คุณก็หนีความชราที่ร่วงโรยอย่างรวดเร็วไม่ได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือเรื่องจิตใจ สร้างจิตสำนึกให้ตัวเองให้ได้ก่อน" อาจารย์สง่า ฝากให้คิด n


