สุริยุปราคาและจันทรุปราคา ในปี 2561
สุริยุปราคาและจันทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์
โดย วรเชษฐ์ บุญปลอด
สุริยุปราคาและจันทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โคจรมาเรียงอยู่ในแนวเดียวกันในอวกาศ สุริยุปราคาเกิดในช่วงจันทร์ดับ ดวงจันทร์อยู่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้เงาดวงจันทร์พาดลงมาบนผิวโลก จันทรุปราคาเกิดในช่วงจันทร์เพ็ญ ดวงจันทร์เคลื่อนผ่านเงาโลก ทำให้เห็นดวงจันทร์เว้าแหว่งหรือมืดสลัวลง
ปี 2561 มีสุริยุปราคาและจันทรุปราคาเกิดขึ้นรวม 5 ครั้ง อันประกอบด้วยจันทรุปราคาเต็มดวง 2 ครั้ง กับสุริยุปราคาบางส่วน 3 ครั้ง ประเทศไทยมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงทั้งสองครั้ง แต่ไม่อยู่ในพื้นที่ที่เห็นสุริยุปราคา
วันพุธที่ 31 ม.ค. 2561 เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง สามารถสังเกตได้ตั้งแต่ท้องฟ้าเริ่มมืดหลังดวงอาทิตย์ตก จันทรุปราคาเริ่มขึ้นเมื่อดวงจันทร์แตะเงามัวของโลกในเวลา 17.51 น. ซึ่งขณะนั้นส่วนใหญ่ของประเทศไทยดวงอาทิตย์ยังไม่ตกและดวงจันทร์ยังไม่ขึ้น เมื่อเริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วนหรือดวงจันทร์เริ่มแหว่งเว้าในเวลา 18.48 น. ดวงจันทร์จะอยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออก กรุงเทพฯ ดวงจันทร์มีมุมเงย 8 องศา
ดวงจันทร์เข้าไปในเงามืดทั้งดวงตั้งแต่เวลา 19.52-21.08 น. แต่ดวงจันทร์ไม่มืดสนิท เห็นเป็นสีส้มหรือสีแดงอิฐ เพราะแสงอาทิตย์หักเหและกระเจิงผ่านบรรยากาศโลกไปที่ดวงจันทร์ จากนั้นดวงจันทร์ทั้งดวงจะออกจากเงามืดหรือสิ้นสุดจันทรุปราคาบางส่วนในเวลา 22.11 น. แม้เราจะเห็นดวงจันทร์กลับมาเต็มดวงแล้ว แต่ดวงจันทร์ยังดูหมองคล้ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง สิ้นสุดปรากฏการณ์อย่างสมบูรณ์เมื่อดวงจันทร์ออกจากเงามัวในเวลา 23.09 น.
ขณะเกิดจันทรุปราคา ดวงจันทร์อยู่ในกลุ่มดาวปู มีกระจุกดาวเปิดที่มีชื่อเสียงคือกระจุกดาวรังผึ้ง ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง กระจุกดาว รังผึ้งอยู่สูงเหนือดวงจันทร์ประมาณ 5 องศา ขณะบังเต็มที่เมื่อดวงจันทร์เข้าใกล้ศูนย์กลางเงาโลกมากที่สุดในเวลา 20.30 น. ศูนย์กลางเงาอยู่ห่างขอบดวงจันทร์ออกไปเล็กน้อยทางทิศเหนือ ทำให้คาดหมายได้ว่าพื้นที่ด้านทิศใต้ของดวงจันทร์ซึ่งอยู่ทางขวามือเมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าน่าจะสว่างกว่าอีกด้านหนึ่ง
นอกจากประเทศไทย บริเวณที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้ ได้แก่ ด้านตะวันออกของยุโรป ด้านตะวันออกของแอฟริกา มหาสมุทรอินเดีย เอเชีย ออสเตรเลีย มหาสมุทรแปซิฟิก อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก และบางส่วนของแอนตาร์กติกา
วันที่ 16 ก.พ. 2561 เกิดสุริยุปราคาบางส่วนเมื่อเงามัวของดวงจันทร์สัมผัสผิวโลกระหว่างเวลา 01.56-05.47 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาอยู่ใกล้ขั้วโลกใต้ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของแอนตาร์กติกา และทางใต้ของทวีปอเมริกาใต้ จุดที่เห็นดวงอาทิตย์แหว่งเว้าลึกที่สุดอยู่ในแอนตาร์กติกา ด้วยขนาดอุปราคา 0.599 (ดวงอาทิตย์ถูกดวงจันทร์บังร้อยละ 59.9 วัดตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลาง)
วันที่ 13 ก.ค. 2561 เกิดสุริยุปราคาบางส่วนเมื่อเงามัวของดวงจันทร์สัมผัสผิวโลกระหว่างเวลา 08.48-11.14 น. ตามเวลาประเทศไทย แม้เป็นเวลากลางวัน แต่ไม่เห็นในประเทศไทย บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาอยู่ในซีกโลกใต้ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนทางใต้ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ รวมถึงบางส่วนของแอนตาร์กติกา โดยจุดที่เห็นดวงอาทิตย์แหว่งเว้าลึกที่สุดอยู่ในแอนตาร์กติกา ด้วยขนาดอุปราคา 0.336
หลังเวลาเที่ยงคืนของคืนวันศุกร์ที่ 27 ก.ค. เข้าสู่วันเสาร์ที่ 28 ก.ค. 2561 เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของปี ประเทศไทยสามารถสังเกตได้ตลอดตั้งแต่ต้นจนเกือบสิ้นสุด โดยดวงจันทร์เริ่มแตะเงามัวในเวลา 00.15 น. แต่เรายังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในเวลานี้ เพราะเงามัวมีความทึบแสงต่ำ ต่อมาเมื่อเริ่มเกิดจันทรุปราคาบางส่วน หรือดวงจันทร์เริ่มแหว่งเว้า ดวงจันทร์จะอยู่สูงทางทิศตะวันตก จากนั้นดวงจันทร์เข้าไปในเงามืดทั้งดวงตั้งแต่เวลา 02.30-04.13 น.
จันทรุปราคาครั้งนี้มีระยะเวลาเต็มดวงยาวนานถึง 1 ชั่วโมง 43 นาที สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะดวงจันทร์มีเส้นทางเกือบผ่านกลางเงาโลก ขณะบังเต็มที่เวลา 03.22 น. ศูนย์กลางเงาโลกจะอยู่บนดวงจันทร์โดยค่อนไปทางทิศใต้ ทำให้คาดหมายได้ว่าพื้นที่ด้านทิศเหนือของดวงจันทร์ซึ่งอยู่ทางขวามือเมื่อมองขึ้นไปบนฟ้าน่าจะสว่างกว่าด้านทิศใต้ นอกจากนี้หากไม่มีเมฆมากนัก ผู้ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองมีโอกาสเห็นทางช้างเผือกขณะที่ดวงจันทร์ถูกเงาโลกบดบังทั้งดวง
ดวงจันทร์กลับมาเต็มดวงในเวลา 05.19 น. กรุงเทพฯ เห็นดวงจันทร์อยู่สูงเหนือขอบฟ้าประมาณ 11 องศา และท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ปรากฏการณ์สิ้นสุดเมื่อดวงจันทร์ออกจากเงามัวในเวลา 06.29 น. ซึ่งเป็นเวลาหลังดวงอาทิตย์ขึ้นและดวงจันทร์ตกไปแล้ว
วันนั้นดวงจันทร์มีตำแหน่งอยู่ในกลุ่มดาวแพะทะเล กลุ่มดาวนี้ไม่มีดาวสว่าง แต่บังเอิญว่าตรงกับช่วงที่ดาวอังคารอยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์และใกล้โลกที่สุด เราจึงเห็นดาวอังคารเป็นดาวสว่างเด่นอยู่ห่างไปทางทิศใต้หรือซ้ายมือของดวงจันทร์เมื่อเทียบกับระนาบขอบฟ้าที่ระยะห่าง 6 องศา
บริเวณที่เห็นจันทรุปราคาครั้งนี้พร้อมกับประเทศไทย ได้แก่ ด้านตะวันออกของอเมริกาใต้ มหาสมุทรแอตแลนติก ยุโรป แอฟริกา เอเชีย มหาสมุทรอินเดีย ออสเตรเลีย ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก และแอนตาร์กติกา
วันที่ 11 ส.ค. 2561 เกิดสุริยุปราคาบางส่วนซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี เงามัวของดวงจันทร์สัมผัสผิวโลกระหว่างเวลา 15.02-18.31 น. ตามเวลาประเทศไทย บริเวณที่เห็นสุริยุปราคาอยู่ในซีกโลกเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ตอนเหนือของยุโรป และด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย จุดที่เห็นดวงอาทิตย์แหว่งเว้าลึกที่สุดอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซีย ด้วยขนาดอุปราคา 0.737
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (24-31 ธ.ค.)
ดาวพุธ ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี ปรากฏบนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออก ดาวอังคารอยู่สูงที่สุดในกลุ่มดาวคันชั่ง ดาวพฤหัสบดีอยู่ในกลุ่มดาวเดียวกัน แต่สว่างกว่าดาวอังคารหลายเท่า และอยู่ต่ำกว่าดาวอังคารเล็กน้อย ดาวเคราะห์ ทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกวัน จะใกล้กันที่สุด ในต้นเดือน ม.ค. 2561
ดาวพุธอยู่ใกล้ขอบฟ้ามากที่สุดใน 3 ดวงนี้ โดยปรากฏอยู่ทางซ้ายมือของกลุ่มดาวแมงป่อง เราสามารถสังเกตดาวพุธในเวลานี้ได้จนถึงปลายเดือน ม.ค. 2561 โดยดาวพุธทำมุมห่างดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 2 ม.ค. 2561 สัปดาห์นี้เป็นข้างขึ้น มองเห็นดวงจันทร์อยู่บนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำของทุกวัน โดยเป็นเสี้ยวในช่วงแรก จากนั้นสว่างครึ่งดวงในวันที่ 26 ธ.ค.
สถานีอวกาศนานาชาติโคจรรอบโลกที่ความสูงประมาณ 400 กิโลเมตร ปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบ โดยมีลักษณะเป็นดาวสว่างเคลื่อนที่บนท้องฟ้า สัปดาห์นี้เห็นได้ดีในเวลาเช้ามืด วันจันทร์ที่ 25 ธ.ค. 2560 กรุงเทพฯ และบริเวณใกล้เคียงเห็นสถานีอวกาศเริ่มปรากฏเหนือขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ในเวลา 05.42 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ถึงจุดสูงสุดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 05.46 น. ที่มุมเงย 57 องศา แล้วเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลา 05.49 น.
วันอังคารที่ 26 ธ.ค. 2560 สถานีอวกาศ เริ่มปรากฏทางทิศใต้ในเวลา 04.51 น. จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นไปทางซ้าย ถึงจุดสูงสุดทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ในเวลา 04.53 น. ที่มุมเงย 21 องศา ขณะอยู่ใกล้ดาวพฤหัสบดีและดาวอังคาร แล้วเคลื่อนต่ำลง สิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในเวลา 04.56 น.
วันพุธที่ 27 ธ.ค. 2560 สถานีอวกาศเริ่มปรากฏขณะออกจากเงามืดของโลกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในเวลา 05.37 น. ที่มุมเงย 32 องศา ซึ่งเป็นจุดสูงสุด จากนั้นเคลื่อนต่ำลงไปทางขวา สิ้นสุดใกล้ขอบฟ้าทิศเหนือในเวลา 05.40 น.


