อธิป เจริญรัศมีเกียรติ ทุกอย่างสำเร็จ ต้องเริ่มจากแพสชั่น
เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์ใครๆ ก็รู้ว่า "แพสชั่น" คือรากฐานสำคัญของความสำเร็จ แต่กว่าจะหาธุรกิจที่ใช่และสร้างแพสชั่นให้เกิดไม่ใช่เรื่องง่าย เต้-อธิป เจริญรัศมีเกียรติ คือหนึ่งในตัวอย่างของคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาไม่น้อยไปกับการตามหาแพสชั่นในสิ่งที่ทำ โชคดีที่แม้จะหลงทางไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังได้เจอและเดินไปในเส้นทางที่ใช่
เรื่อง พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
ใครๆ ก็รู้ว่า "แพสชั่น" คือรากฐานสำคัญของความสำเร็จ แต่กว่าจะหาธุรกิจที่ใช่และสร้างแพสชั่นให้เกิดไม่ใช่เรื่องง่าย เต้-อธิป เจริญรัศมีเกียรติ คือหนึ่งในตัวอย่างของคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ใช้เวลาไม่น้อยไปกับการตามหาแพสชั่นในสิ่งที่ทำ โชคดีที่แม้จะหลงทางไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังได้เจอและเดินไปในเส้นทางที่ใช่
"ผมไปเรียนที่แคนาดาตั้งแต่ ม.2 อยู่ยาวจนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากที่นั่น พอเรียนจบก็กลับมาเมืองไทย โดยมีฝันอยากจะทำธุรกิจของตัวเอง แต่ตอนนั้นภาพยังไม่ชัดว่าจะทำธุรกิจอะไร รู้แต่ว่าสนใจธุรกิจอาหาร ช่วงที่เรียนจบกลับมาผมเริ่มต้นทำงานในบริษัทวิเคราะห์หลักทรัพย์ และหุ้น ทำแล้วไม่มีความสุขเลย เพราะไม่ใช่สิ่งที่เรารัก แต่ก็ทนทำอยู่ร่วมปีถึงตัดสินใจลาออกไปเรียนต่อปริญญาโท ที่จุฬาฯ"
ในช่วงเรียนปริญญาโทนี้เอง ความคิดที่อยากจะสร้างธุรกิจในใจเริ่มคุกรุ่นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสเข้ามา เขาจึงคว้าไว้ด้วยการช่วยต่อยอดธุรกิจร้านอาหารของฝั่งครอบครัวคุณแม่
"ครอบครัวคุณแม่ผมเป็นเจ้าของร้านอาหารกวนอา พอดีช่วงนั้นมีศูนย์การค้ามาทาบทามให้ไปเปิดร้านในห้าง ผมเลยมีโอกาสเข้าไปช่วยดูแล แต่อาจเพราะตอนนั้นผมยังไม่ได้มีแพสชั่นในธุรกิจที่ทำมากพอ ผมเริ่มต้นจากการดูแลในส่วนของการบริหารจัดการในภาพรวม ส่งเชฟไปฝึกทำอาหาร หลังจากทำอยู่ไม่นาน ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างก็ตัดสินใจเลิกไป คราวนี้ผมกลับมาทบทวนอีกครั้งว่าอะไรคือแพสชั่น ของผม ผมนึกถึงขนมไต้หวัน ที่มีเทกเจอร์ที่มีเอกลักษณ์ คือ หนุบหนึบ เคี้ยวเพลิน เลยอยากจะนำแพสชั่นที่มีมาทำธุรกิจ โชคดีที่ผมมีรูมเมตเป็นชาวไต้หวันตอนอยู่ที่แคนาดา เขาเลยแนะนำให้ผมไปเรียนทำขนมสไตล์ไต้หวันแท้ๆ จากญาติของเขา"
เต้ บอกเล่าด้วยแววตาเป็นประกายว่าที่ไต้หวันมีคำเรียกรสชาตินุ่มหนึบนี้ว่า คิวคิว เขาจึงตัดสินใจเอาคำนี้ มาเป็นชื่อร้านขนมไต้หวันที่เขาและหุ้นส่วนตั้งใจสร้างขึ้นมา
"ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะหาซื้อแฟรนไชส์ร้านขนมไต้หวันมาเปิดเลย แต่พอไปเห็นเมนูที่นู่นมีเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นเมนูของหวานแบบร้อน ซึ่งเข้ากับอากาศบ้านเขา แต่ผมคิดว่าไม่เหมาะกับอากาศบ้านเรา เลยเปลี่ยนแผนเลือกมาเฉพาะบางเมนูแล้วมาปรับรสชาติให้เป็นสไตล์คนไทย ผมลงทุนบินไปเรียนรู้วิธีการทำขนมไต้หวันจากที่นู่นเอง เรียนตั้งแต่วิธีเลือกวัตถุดิบ เพราะเคล็ดลับความอร่อยของขนมไต้หวัน ไม่ได้อยู่ที่ฝีมือเท่านั้น แต่อยู่ที่ความสดใหม่ของวัตถุดิบด้วย"
หนึ่งในไฮไลต์ของขนมหวานที่ร้าน คือ ทาโร่บอล ซึ่งทำจากเผือกและมัน เต้แย้มว่านอกจากเคล็ดลับในการทำแล้ว จะอร่อยหรือไม่อร่อยยังขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ เพราะฉะนั้นตอนทิ่คิดว่าจะสร้างแบรนด์ในเมืองไทย เขาต้องลงทุนตระเวนหาวัตถุดิบอยู่หลายแห่ง เพื่อคัดเลือกแหล่งที่คุณภาพใกล้เคียงกับที่ไต้หวัน สุดท้ายมาเจอแหล่งที่อร่อยเทียบเท่าแถวๆ ภาคเหนือของไทย
"นอกจากจะเรียนทำทาโร่บอลแล้ว ผมยังเรียนทำเฉาก๊วย ไอศกรีมโฮมเมด แรกๆ ที่ไปเรียนอาจจะมีอุปสรรคด้านภาษาบ้าง เพราะผมเองก็พูดจีนไม่ได้ ทางไต้หวันเองก็พูดอังกฤษไม่คล่อง แต่เราก็สื่อสารกันรู้เรื่อง ผมเรียนๆ ไปก็เริ่มซึมซับ"
ผ่านมา 1 ปีกับการสร้างแบรนด์ QQ Taiwanese Dessert เต้ยอมรับว่าโตเร็วกว่าที่คิด ขยายความอร่อยไปแล้วกว่า 6 สาขา ด้วยคอนเซ็ปต์ขนมหวานที่ดีต่อสุขภาพ เพราะนอกจากจะหวานน้อยแบบต้นตำรับ วัตถุดิบแต่ละอย่างที่นำมาใช้ ยังเน้นธัญพืช
"ผมคิดว่าเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพราะผมทำด้วยแพสชั่น ลงมือทำเองทุกอย่าง จากธุรกิจแรกที่ผมอาจจะทำเหมือนเป็นคนนอกที่แค่เข้ามาบริหาร แต่อันนี้ไม่ใช่ ผมทำเป็นทุกอย่าง ต่อให้พนักงานที่ผมเทรนจะลาออก ร้านผมก็ยังอยู่ได้ ผมยังเทรนคนใหม่ขึ้นมาได้เสมอ ทุกวันนี้ออฟฟิศผมอยู่ที่เดียวกับครัวกลาง บางครั้งก็ยังมีคันไม้คันมืออยากเข้าไปในครัวบ้าง ทุกครั้งที่เข้าครัวผมรู้สึกเหมือนว่าเป็นโลกอีกใบที่มีความสุขจนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว"
จากนี้คนหนุ่มไฟแรงบอกว่า เขายังอยากเรียนทำขนมเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ให้กับตัวเองในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ส่วนความฝันที่อยากจะทำร้านอาหารก็ยังไม่ไปไหน ถ้าร้านขนมเข้าที่เมื่อไหร่ ก็อาจจะลุยธุรกิจอื่นต่อ


