กลยุทธ์การลงทุนใน RMF, LTF (ต่อ)
คุยกันไปแล้ว 4 กลยุทธ์ คือ
โดย สาธิต/รอกราฟ
คุยกันไปแล้ว 4 กลยุทธ์ คือ
o กลยุทธ์การลงทุนแบบ Lump Sum
o กลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar Cost Average
o กลยุทธ์การลงทุน Value Average (VA)
o กลยุทธ์การลงทุน Enhanced Dollar Cost Average (EDCA)
คงได้แนวคิดการลงทุนสำหรับปีหน้ากันไปได้บ้างแล้ว มาวันนี้เรามาต่อกลยุทธ์สุดท้ายเลยครับ คือ กลยุทธ์ Threshold Control (TC) เป็นกลยุทธ์ที่เราจะลงทุนด้วยการกำหนดมูลค่าเป้าหมายของพอร์ตไว้ แล้วลงทุนให้ได้ตามมูลค่าเป้าหมายของพอร์ตนั้น ฟังดูก็คล้ายๆ กับกลยุทธ์การลงทุนแบบ VA แต่ต่างกันตรงที่กลยุทธ์การลงทุนแบบ TC จะมีกำหนดขอบบนและขอบล่างของมูลค่าเป้าหมายของพอร์ต ตัวอย่างเช่น หากมูลค่าเป้าหมายของพอร์ต คือ 1 แสนบาท ขอบบนอาจจะเป็น 1.1 แสนบาท ขอบล่างอาจจะเป็น 9 หมื่นบาทก็ได้ การกำหนดขอบบน ขอบล่างไม่จำเป็นต้องห่างจากมูลค่าเป้าหมายเท่ากัน อันนี้แล้วแต่ความสบายใจหรือความชอบของผู้ลงทุนเลย
แล้วขอบบน ขอบล่างของมูลค่าเป้าหมายของพอร์ตมีไว้ทำอะไร คำตอบก็คือ มีไว้เพื่อเป็นสัญญาณในการลงทุน ถ้ามูลค่าพอร์ตของเราอยู่เหนือขอบบน จะขายหุ้นหรือกองทุนออก แต่ถ้ามูลค่าพอร์ตของเราอยู่ต่ำกว่าขอบล่าง จะซื้อหุ้นหรือกองทุนเข้ามาเพิ่ม เพื่อสุดท้ายแล้วมูลค่าพอร์ตเท่ากับมูลค่าเป้าหมาย
แต่ถ้ามูลค่าพอร์ตอยู่ในช่วงระหว่างขอบบนและขอบล่าง ก็จะอยู่เฉยๆ ไม่ซื้อไม่ขายหุ้นหรือกองทุน
ถ้าดูตามกลยุทธ์ TC นี้ คือกลยุทธ์ช้อนซื้อตอนหุ้นตก หรือมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ลดลงอย่างเดียว พูดง่ายๆ เป็นชาวสวน หรือเป็นการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนนั่นเอง ข้อดีวิธีนี้ คือ จะเฉลี่ยต้นทุนเมื่อราคาหรือ NAV ปรับลดมากๆ (มูลค่าพอร์ตต่ำกว่าขอบล่างของมูลค่า เป้าหมายเท่านั้น) ทำให้ไม่ช้อนซื้อหุ้นเร็วเกินไปจนช้อนหักไม่มีเงินซื้อตอนหุ้นหรือ NAV ต่ำมากๆ และถ้าราคาหรือ NAV แพงกว่าครั้งก่อนหน้าจะไม่ซื้อเลย คือ ไม่ใช่ชาวไร่
ดังนั้น ในภาวะที่ตลาดขาขึ้น คนที่ใช้กลยุทธ์ TC จะไม่มีการลงทุนเพิ่มเลย อาจทำให้เสียโอกาสของการลงทุนตามกระแส เพื่อสร้าง ผลตอบแทนที่มากขึ้น แถมยังล็อกกำไรเมื่อมูลค่าพอร์ตสูงกว่าขอบบนของมูลค่าเป้าหมายของพอร์ตอีกด้วย ซึ่งอาจเป็นข้อดีสำหรับคนซื้อ เป็นแต่ขายไม่เป็น คือ ไม่รู้ว่าจะขายตอนไหนดี ทำนองกำขี้ดีกว่ากำตด ไม่จำเป็นต้องได้กำไรเยอะ ได้เท่าที่พอใจก็โอเคแล้ว
สรุปกลยุทธ์การลงทุนแบบคนที่ไม่เก่งเทคนิค คุยกันไปหมดแล้ว 5 กลยุทธ์ เลือกเอาแบบที่ชอบหรือเหมาะสมได้เลยครับ แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันอาจจะมากกว่าด้วย ก็คือ การเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี หรือกองทุนที่ดี ถ้าเลือกผิดหุ้น หรือผิดกองทุน จะใช้กลยุทธ์ไหน โอกาสเจ็บตัวก็มีสูงครับ